วัคซีนมาได้เวลาโฟกัสแก้เศรษฐกิจ

วัคซีน ถึงไทย
FILE PHOTO : Lillian SUWANRUMPHA / AFP
บทบรรณาธิการ

วัคซีนโควิด-19 ลอตแรกมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ เพราะนอกจากได้วัคซีนซิโนแวกจากจีน จำนวน 2 แสนโดสแล้ว ยังมีแอสตร้าเซนเนก้าของบริษัทยาชั้นนำในอังกฤษ พ่วงมาอีก 1.6 แสนโดส รวมทั้งหมด 3.6 แสนโดส จากนี้ไปจะถึงขั้นตอนกระจายฉีดวัคซีนให้กับคนที่มีความเสี่ยง ทั้งในพื้นที่โซนสีแดงเข้ม 9 จังหวัด กับพื้นที่เศรษฐกิจอีก 4 จังหวัด

สิ้นสุดช่วงเวลานับถอยหลังรอวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโควิด แม้แค่เริ่มต้นเฟสแรกและอีกนานกว่าวัคซีนลอตต่อ ๆ ไปจะทยอยมาถึง ครอบคลุมคนทั้งประเทศ แต่ที่ทุกภาคส่วนเร่งวันเร่งคืนไม่น้อยกว่ารอวัคซีน และพลาดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าคือ การสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจที่ยังมองไม่เห็นอนาคต ทั้งที่ประชาชน ธุรกิจเอกชนอ่อนแรงลงทุกที ภาคท่องเที่ยว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียิ่งหนักหนาสาหัส

ภายใต้วิกฤตซ้ำซ้อนตลอดระยะเวลาปีเศษที่ผ่านมา แม้มาตรการเฉพาะหน้าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นสิ่งที่ต้องทำและจำเป็น แต่มาตรการระยะกลาง ระยะยาวในการแก้ปัญหา การฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งระบบให้ฟื้นคืนมาก็ต้องดำเนินการควบคู่ นโยบาย แผนงานของรัฐบาลจึงต้องชัดเจน และหวังผลได้

ที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญคือ หลังมีวัคซีนมาช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโควิด การปรับโหมดบริหารจัดการจากก่อนหน้านี้ที่คุมเข้มป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง จะสามารถผ่อนคลายลง ต้องหันมาโฟกัสแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจมากขึ้น โจทย์ท้าทายอยู่ที่ทำอย่างไรจะให้ 4 เครื่องยนต์เศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนรัฐ การลงทุนภาคเอกชน การส่งออก และการบริโภค ที่สะดุดกลับมาขับเคลื่อน

นอกจากนี้ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวกับเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหารุนแรง ผลักดันมาตรการช่วยเหลือให้ธุรกิจทั้ง 2 กลุ่มเข้าถึง สำหรับภาคท่องเที่ยวแม้ดูแนวโน้มแล้วกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาต้องใช้เวลาอีกระยะ แต่ถ้าการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน เริ่มเปิดประเทศรับต่างชาติได้มากขึ้น จะช่วยต่อลมหายใจธุรกิจท่องเที่ยวให้พออยู่รอด

ขณะเดียวกัน ข้อเสนอของตัวแทนภาคท่องเที่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมหลายสาขาที่ขอให้รัฐอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนฉีดได้เองเป็นเรื่องต้องเร่งพิจารณาความเป็นไปได้ เพราะถ้าวัคซีนกระจายทั่วถึงยิ่งเร็วจะยิ่งเป็นผลดีกับประเทศและเศรษฐกิจในภาพรวม เพิ่มความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ นักลงทุน ตลอดจนประชาชนทั่วไป

รัฐบาลจึงต้องใช้โอกาสช่วงที่ทุกภาคส่วนมีความหวังจากวัคซีน ปรับโหมดการทำงานให้ตอบโจทย์การแก้วิกฤต พลิกสถานการณ์เศรษฐกิจติดลบกลับมาเป็นบวกให้สมกับที่ทุกฝ่ายฝากความหวัง