คอลัมน์ สามัญสำนึก สมปอง แจ่มเกาะ
นับจากวันนี้ไปอีก 2 เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว
จะว่าไปแล้วหลาย ๆ คนคงตั้งตารอ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นพิเศษ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
หลังจากที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาคอนเฟิร์มในเบื้องต้นแล้วว่า “ลิซ่า แบล็กพิงก์” คอนเฟิร์มเข้ามาร่วมงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ที่ภูเก็ต
พร้อมทั้งเตรียมจะเสนอของบฯจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ราว ๆ 100 ล้านบาท
แต่ล่าสุดเมื่อวาน (28 ตุลาคม) YG Entertainment ต้นสังกัดน้องลิซ่า ได้ร่อนแถลงการณ์ระบุว่า ลิซ่าไม่สามารถมาร่วมงานเคานต์ดาวน์ได้เพราะติดคิวงาน
ฝันสลายไปตาม ๆ กัน แม้แต่ลุงก็ยังบอกว่าเสียดาย…แต่ก็ไม่เป็นไร
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท.เองก็คงทำใจไว้บ้างแล้วว่า การจะดึงศิลปินชื่อดังระดับโลกมาโชว์ตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
แต่อีกแง่หนึ่งต้องยอมรับว่า “กระแส” มันได้ หากดึง ลิซ่า มาร่วมงานได้จริง ๆ ช่วงเวลานั้นประเทศไทยก็จะอยู่บนสปอตไลต์ของงานเคานต์ดาวน์โลกเลยทีเดียว
บอกได้คำเดียวว่า “คุ้ม”
ถึงนาทีนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าสาวน้อยคนนี้เธอปังมาก ๆ และยังปังไม่หยุด หลังจากปล่อยซิงเกิลอัลบั้มเดี่ยวออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็สร้างสถิติให้กับวงการ K-pop อย่างถล่มทลาย อะไรที่เกี่ยวเนื่องกับเธอก็โด่งดังขายดิบขายดีตามไปด้วย
ยกตัวอย่าง “ชฎาลิซ่า” ที่เธอนำมาประดับใส่ในเอ็มวี ในลุกชุดไทยในมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ LALISA ที่ช่วยปลุกยอดขายให้พ่อค้าแม่ขายในตลาดสำเพ็ง พาหุรัด หรือแต่มาร์เก็ตเพลซชื่อดังก็ยังต้องมี ชฎาลิซ่า ไปวางขายด้วย
หรือลูกชิ้นยืนกิน หลังจากซูเปอร์สตาร์สาวให้สัมภาษณ์ในรายการวู้ดดี้ โชว์ ถึงอาหารโปรด ลูกชิ้นยืนกิน หลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ที่แม่เคยพาไปกินตอนเด็ก เพียงแค่ข้ามคืน ร้านลูกชิ้นยืนกินที่ถูกพูดถึงขายดิบ ขายดี คนรอคิวยาวเหยียด
ถึงขนาดว่าห้างใหญ่จากเมืองกรุงยังต้องไปนำลูกชิ้นยืนกินตำนานความอร่อยจากบุรีรัมย์มาเสิร์ฟเอาใจสายกินถึงที่ชนิดไม่ต้องไปไกลถึงบุรีรัมย์
นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น
ก่อนปิดต้นฉบับ นั่งค้นข้อมูล คลิกเข้าไปในเว็บไซต์กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เห็นตัวเลขแล้วน่าใจหายไม่น้อยพิษโควิด-19 ตลอดเวลาเกือบ 2 ปีมานี้ ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศหายไปแทบไม่เหลือ
ปีนี้ (มกราคม-กันยายน) พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เข้ามาบ้านเราราว ๆ 86,000 คน เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ที่ตัวเลขอยู่ที่ 6.69 ล้านคน
จากก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามามากถึง 40.2 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศมากถึง 2.43 ล้านล้านบาท
ไม่เฉพาะเมืองไทยของเราหรอก บ้านอื่นเมืองอื่นก็คงมิต่างกัน
จึงไม่แปลกใจที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท.จะปิ๊งไอเดียที่จะดึงเธอมาโปรโมตท่องเที่ยวไทย เพื่อให้สอดรับกับนโยบายเปิดประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แต่ก็ต้องยอมรับว่า จากนี้ไปการจะฟื้นธุรกิจหรือรายได้จากการท่องเที่ยวให้กลับมาเหมือนเดิมคงเป็นเรื่องต้องใช้เวลา
และต้องทำใจด้วยว่าหลังจาก 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไปช่วงแรก ๆ คงไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างถล่มทลาย จะมีบ้างก็คงเป็นนักธุรกิจ หรือคนที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางเข้ามาติดต่อหรือทำธุรกิจจริง ๆ เป็นหลัก
ส่วนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ดูภูเก็ตแซนด์บอกซ์เป็นตัวอย่างก็แล้วกันว่ามีตัวเลขจริงๆ เข้ามาสักกี่มากน้อย
อย่าเพิ่งฝันหวานและอย่าคิดแต่จะกินบุญเก่าเมื่อในอดีต
ถึงเวลาที่จะต้องช่วยกันคิด ร่วมแรงร่วมใจ ต่อยอดจุดแข็งของท่องเที่ยวไทยที่เคยมีอยู่ให้ดีขึ้นและมีความยั่งยืน
นี่คือทางออกทางเดียวที่จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวในระยะยาวให้กลับคืนมาได้