กลุ่มเซ็นทรัลชูผ้านาหมื่นศรี ตรัง ต่อยอดศูนย์การเรียนรู้ สร้างงาน-รายได้

รำโนราห์พิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้นาหมื่นศรี

ผ้าทอนาหมื่นศรี ผ้าทอพื้นเมืองของจังหวัดตรัง สินค้าหัตถกรรมมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนไทยมายาวนานหลายร้อยปี โดยชื่อนาหมื่นศรี เป็นชื่อตำบลในอำเภอนาโยง 

ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน บอกว่าการทอผ้าหมื่นศรีได้ขาดหายไปช่วงหนึ่งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะขาดเส้นด้ายที่จะใช้ทำวัตถุดิบ รวมทั้งการทอผ้าประจำบ้านที่ใช้วัสดุธรรมชาติปั่นฝ้ายย้อมสีเองก็ลดลง เนื่องจากการมีเส้นใยย้อมสีสำเร็จรูปเข้ามาแทนที่

ขณะเดียวกัน ก็ขาดคนรุ่นใหม่สืบสานภูมิปัญญาผ้าทอพื้นบ้าน เพราะมีผ้าจากโรงงานและเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่สามารถซื้อได้ง่ายกว่าการลงมือทอเอง ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสืบสานวัฒนธรรมที่มีมานับร้อยปี และต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน สร้างอาชีพ

จึงได้ขับเคลื่อนโครงการด้วยการลงพื้นที่ทำงานร่วมกับชาวชุมชนนาหมื่นศรี มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันเป็นกว่า 8 ปี สามารถกระจายรายได้สู่ชุมชุมกว่า 56 ล้านบาท 155 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ เดือน กรกฎาคม 2565)

ล่าสุด กลุ่มเซ็นทรัลได้ต่อยอด การลงมือทำร่วมกับชาวชุมชนนาหมื่นศรี พัฒนาสู่โมเดลท่องเที่ยวชุมชน พร้อมสนับสนุนการศึกษา และส่งเสริมอาชีพคนพิการ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน และได้ทำการเปิด “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี” ที่มีพิธีเปิดเมื่อไม่นานนี้ โดยได้รับเกียรติจาก “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี

โดยมีพิชัย จิราธิวัฒน์, บุษบา จิราธิวัฒน์, สุพัตรา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัลให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง, กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และอารอบ เรืองสังข์ ประธานวิสหกิจชุมชนนาหมื่นศรีค่า

นอกจากนี้ ยังมีการจัดโซนแสดงวิถีชีวิตสะท้อนคำนิยามของงาน “คน-ผ้า-นา-วัด” ซึ่งเป็นรากเหง้าประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของนาหมื่นศรี รวมทั้งการสาธิตทำอาหาร-ขนมพื้นถิ่น ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านนาหมื่นศรี การแสดงมโนราห์จาก ตำบลโคกสะบ้า รวมถึงการนำวัวชน นกกรงหัวจุกมาโชว์เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสวิถีนาหมื่นศรีที่แท้จริงอย่างใกล้ชิด

พิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี

ปรับปรุงโรงทอผ้าเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์

“พิชัย จิราธิวัฒน์” กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ด้วยความตระหนึกถึงความสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมโบราณ และยังสามารถต่อยอดสู่ชุมชน จึงได้ริเริ่มพัฒนา “โครงการท่องเที่ยวชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี” ภายใต้โคงการ “เซ็นทรัล ทำ” โดยเข้าไปช่วยพัฒนาด้านการออกแบบของผ้าทอนาหมื่นศรีให้มีความทันสมัยเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน และปรับปรุงโรงทอผ้าเดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ปี 2557

พิพิธภัณฑ์ถูกใช้เป็นสถานที่รวบรวมลายผ้าและผ้าทอโบราณไม่ให้สูญหาย รวมถึงให้ลูกหลานของชุมชนได้เรียนรู้เรื่องราวผ้าทอของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งผ้าทอนาหมื่นศรีมีความโดดเด่นเรื่องการใช้สีธรรมชาติ และลายผ้าที่มีแนวคิดมาจากประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดตรัง

จากนั้นในปี 2561 กลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรีอีกครั้ง เพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ ประกอบด้วย โรงทอผ้า, พิพิธภัณฑ์ผ้าทอ, ร้านค้าวิสาหกิจชุมชนนาหมื่นศรี และการท่องเที่ยวชุมชน นอกจากนั้นมีมัคคุเทศก์ที่จะมาคอยบอกเล่าถึงตำนานผ้าทอของตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง และจะพัฒนาสู่การท่องเที่ยวชุมชนระดับประเทศ

พิชัย จิราธิวัฒน์

4 มิติในศูนย์การเรียนรู้ชุมชน

โครงการท่องเที่ยวชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี ประกอบไปด้วย 4 ส่วนดังนี้

1. อาคารศูนย์การเรียนรู้ชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี ออกแบบภายใต้แนวคิด “อยู่กับผ้า” ด้วยรูปแบบและโครงสร้างอาคารที่เรียบง่าย เปิดโล่ง และเข้ากับบริบทโดยรอบของชุมชน ใช้วัสดุไม้เป็นหลัก และเพิ่มความโดดเด่นด้วยการใช้ผ้าทอนาหมื่นศรีตกแต่งภายในอาคาร เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้เรื่องราวของตำนานผ้าทอนับร้อยปีของชาวชุมชนนาหมื่นศรี

2. พิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี จัดทำภายใต้แนวคิด “สืบโยด สาวย่าน” หรือหมายถึง “การสืบสาวเรื่องราวผ้าทอ” ให้เห็นถึงคุณค่าของผ้าทอนาหมื่นศรี อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาท้องถิ่นมานับร้อยปี ซึ่งลายดั้งเดิมคือ ลายลูกแก้ว ลายราชวัตร และลายแก้วชิงดวง

พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ที่รวบรวมลายผ้ามรดก ที่เกิดจากการสืบทอดของช่างทอในชุมชน และเป็นที่ทำกิจกรรมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของจังหวัดตรัง เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาและอยากชวนให้คนไทยได้มาเห็นคุณค่าของผ้าทอเมืองตรัง อีกทั้งยังมีการสนับสนุนให้เยาวชนภายในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการเป็นมัคคุเทศก์ที่จะคอยพาชมผ้าโบราณ และบอกเล่าเรื่องราวของลายผ้าต่าง ๆ รวมไปถึงการแต่งกายของยุคปู่ย่า-ตายาย ให้ได้เพลิดเพลินไปกับประวัติศาสตร์เรื่องของผ้าแห่งนี้

3. ร้านค้าวิสาหกิจชุมชนนาหมื่นศรี ตั้งอยู่ด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี โดยออกแบบอาคารให้มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน โดยภายในมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาทิ ผ้าทอ, กระเป๋า, เสื้อ, หมวก ฯลฯ ซึ่งทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับชุมชนนาหมื่นศรีเป็นคอลเลคชั่นใหม่ เพื่อจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Good Goods ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เสื้อ กางเกง และ ผ้าคลุมไหล่ อีกทั้งยังได้มีการให้ความรู้เรื่องการจัดการสต๊อก การจัดหน้าร้าน การอออกแบบผลิตภัณฑ์ บัญชี การคิดต้นทุน การขายออนไลน์

4. จัดทำเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวชุมชน ภายในตำบลนาหมื่นศรี และทำป้ายข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนพร้อมจัดจักรยานให้เช่าบริการแก่นักท่องเที่ยว

ผลักดันการศึกษาในตรัง

นอกจากการพัฒนาโมเดลการท่องเที่ยวชุมชน กลุ่มเซ็นทรัลยังได้สนับสนุนและผลักดันด้านการศึกษาในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงส่งเสริมอาชีพคนพิการในจังหวัดตรัง ดังนี้

  • โรงเรียนในจังหวัดตรัง 19 โรงเรียนเข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐ
  • ขับเคลื่อนการพัฒนาโรงเรียนผ่านโครงการโรงเรียนคุณธรรม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยความร่วมมือกับมูลนิธิยุวสถิรคุณ ภายใต้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
  • กลุ่มเซ็นทรัลเข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership Schools) กับกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีการลงนาม MOU ร่วมกับโรงเรียน และวิทยาลัยระดับอาชีวศึกษาในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งภาคใต้ได้คัดเลือกโรงเรียนบ้านควนสวรรค์ และวิทยาลัยเทคนิคตรัง ในการทำโครงการ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการศึกษาจากระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปสู่ระดับอาชีวศึกษา นอกจากนี้ มีการมอบทุนการศึกษาให้กับสถานศึกษาทั้ง 2 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 168 ทุน
  • ผลักดันให้โรงเรียนเข้ารับการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจพอเพียงระดับชาติ
  • ส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาเส้นใยผ้าให้แก่วิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี อาทิ ผ้าทอนาโน ใยผ้าจากกล้วย เป็นต้น
  • โครงการส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการในจังหวัดตรัง ผ่านความร่วมมือกับสมาคมกีฬาคนพิการทางการเคลื่อนไหวและร่างกายจังหวัดตรัง จัดตั้งโครงการภายใต้เซ็นทรัลทำ ชื่อว่า “โครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่เพื่อการจำหน่าย” รวมทั้งสิ้น 28 ครัวเรือน กระจายอยู่ใน 5 อำเภอ โดยกลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ให้การสนับสนุนตั้งแต่การสร้างโรงเรือน แนวทางการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ตลอดถึงการบริหารทางการเงินในเบื้องต้น เช่น การจัดทำบัญชีครัวเรือน ให้คนพิการสามารถที่จะมีอาชีพในการเลี้ยงดูตนเอง และครอบครัวได้อย่างยั่งยืน