สหฟาร์ม คืนสู่ ตระกูลโชติเทวัญ พ้นศาลล้มละลาย-กำไรพันล้าน

สหฟาร์มออกจากแผนฟื้นฟูกิจการคืนสู่บ้านสุขาวดี ทายาท “ตระกูลโชติเทวัญ” กลับเข้าบริหาร ผลประกอบการปีนี้กำไรดี แตะพันล้าน จ่ายหนี้ได้ตามแผน ด้าน “ผยง” ซีอีโอแบงก์กรุงไทยคอนเฟิร์มศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ออกจากแผนฟื้นฟูได้กิจการแข็งแรง ทำธุรกิจได้ปกติ มีสภาพคล่องราบรื่น เจ้าหนี้การค้าโอดได้คืนหนี้แค่ 11%

แหล่งข่าวจากวงการปศุสัตว์เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของกลุ่มบริษัท สหฟาร์ม ผู้ผลิตและส่งออกไก่เนื้อรายใหญ่ โดยให้ตระกูลโชติเทวัญ เข้าบริหารกิจการตามเดิม

หลังจากที่เคยประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจ ขาดสภาพคล่องอย่างหนักตั้งแต่กลางปี 2555 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 หรือประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา และให้บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด (EY) เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ

โดยบริษัท สหฟาร์ม จำกัด มีหนี้สินประมาณ 14,110.87 ล้านบาท และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด มีหนี้สินประมาณ 12,524.47 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่าช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา กิจการส่งออกไก่มีอัตราการเติบโตสูง ทำให้มีกำไรระดับพันล้านบาท ทำให้สามารถนำมาชำระหนี้ให้กลุ่มเจ้าหนี้รายใหญ่ได้ตามแผน

โดยเฉพาะเจ้าหนี้ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ดังนั้น บริษัท สหฟาร์ม และบริษัท โกลเด้น ไลน์ฯ ในฐานะลูกหนี้ จึงได้ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางตามคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.9/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.10/2557 ขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง

KTB ชี้สหฟาร์มกลับสู่สถานะปกติ

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีสหฟาร์มที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้วนั้น โดยหลักการบริษัทก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ แต่ไม่ได้มีพิเศษ เพราะลูกหนี้ถ้าออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ แสดงว่าบริษัทมีความแข็งแรงระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับลูกหนี้ทั่วไป

อย่างไรก็ดี หากลูกหนี้ยังมีความเปราะบาง ก็เหมือนลูกหนี้ในระบบที่ธนาคารยังคงต้องประคอง ทั้งโดยการปล่อยสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง การปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระหนี้ เพื่อให้
ลูกหนี้สามารถก้าวผ่านความเปราะบางไปได้

“โดยหลักการถ้าเขาออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ แสดงว่าเขาแข็งแรงขึ้น ดีขึ้น กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติเท่านั้นเอง ส่วนข้อมูลอื่น ๆ อาจจะบอกไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลระหว่างบริษัทและธนาคาร” นายผยงกล่าว

เจ้าหนี้การค้าได้หนี้คืนแค่ 11%

แหล่งข่าวจากวงการเจ้าหนี้การค้ากล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มบริษัท สหฟาร์ม พยายามเสนอยกเลิกคำร้องฟื้นฟูกิจการมาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงปี 2561 หลังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ 4 ปีแรก

แต่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง และให้บริษัท อีวายฯ เป็นผู้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูต่อ โดยบริษัท อีวายฯ ผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการยืนยันว่า เจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับการชำระหนี้เต็มจำนวน 100% ภายใน 7 ปี

โดยพนักงานจะเป็นกลุ่มแรกจะได้รับการชำระหนี้ 100% ภายใน 1 ปี 6 เดือน หลังจากนั้นจะชำระหนี้คืนให้เกษตรกรเต็มมูลหนี้ภายใน 2 ปี ส่วนกลุ่มอื่น ๆ จะทยอยชำระหนี้คืนภายในเวลา 7 ปี แต่จนถึงขณะนี้ ในส่วนของกลุ่มตนที่เป็นเจ้าหนี้การค้าเพิ่งได้รับเงินต้นคืนเพียง 11% ของมูลหนี้ โดยไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยให้ ทางกลุ่มเจ้าหนี้การค้าจึงไม่มั่นใจว่า นับจากนี้เมื่อกลุ่มโชติเทวัญเข้าบริหารกิจการ จะชำระหนี้คืนให้ครบตามที่ติดค้างหรือไม่