จุรินทร์ เร่งเครื่องส่งออกท้ายปี’65 สั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลกทำแผนรุก เป้าทั้งปีโต 4%

ส่งออก

“จุรินทร์” เร่งเครื่องส่งออกสินค้า ประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก ปรับแผน “รุก-ลึก” เจาะตลาดเก่า-ใหม่-เดิม พร้อมดัน 345 กิจกรรมส่งเสริมขาย คาดทำเงินเข้าประเทศเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ช่วงท้ายปี พร้อมยังคงเป้าหมายส่งออกทั้งปี 4% ขณะที่ครึ่งปีแรกส่งออกโตไปแล้ว 11.5%

วันที่ 14 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 42 ประเทศ 58 สำนักงาน ว่า เพื่อปรับแผนงานในการผลักดันการส่งออกโดยกระทรวงพาณิชย์คงตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2565 ขยายตัวที่ 4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 9 ล้านล้านบาท ขณะที่การส่งออกครึ่งปีแรก (มกราคม-กรกฎาคม 2565) พบว่ามีมูลค่า 5.774 ล้านล้านบาท ขยายตัว 11.5%

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ทั้งนี้ การประชุมหารือเพื่อปรับแผนการส่งออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่หลายประเทศเผชิญปัญหา โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งครามการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาจีน-ไต้หวัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ความผันผวนของค่าเงิน การขนส่งยังมีปัญหา

ดังนั้น เพื่อให้การส่งออกเป็นไปได้ตามเป้าหมาย จึงต้องปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศคู่ค้าเผชิญอยู่ อีกทั้งตนได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกจัดทำแผนเชิงรุก-ลึก ให้ขยายการส่งออกไปในรายประเทศให้มากที่สุด โดยร่วมกับภาครัฐและเอกชน จากเดิมกำหนดกิจกรรมไว้ในการส่งเสริมการส่งออกในปี 2565 ไว้ที่ 185 กิจกรรม ปรับแผนใหม่เป็น 530 กิจกรรม มีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อทำให้ตัวเลขครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นกว่าเป้าเดิมที่ทำไว้

“345 กิจกรรม จะมีทั้งกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นเร่งรัด Mini-FTA ส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟต์พาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญกับ BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า โดยมีมาตรการรายละเอียดเพิ่มเติมชัดเจน ในการเจาะตลาดใหม่มีรูปแบบชัดเจนมากขึ้น”

นอกจากนี้ การเจาะตลาดเมืองรองก็ยังเป็นเป้าหมายที่จะผลักดัน โดยมีเป้าหมายเจาะตลาดเมืองรองทั้งสิ้น 36 ประเทศ 105 เมือง เช่น การรุกตลาดซาอุดีอาระเบีย โดยตนได้นำคณะไปเจรจาการค้าซึ่งเน้นไปในกลุ่มสินค้าก่อสร้างและการให้บริการด้านการก่อสร้าง ซึ่งซาอุดีอาระเบีย มีนโยบายสร้างเมืองใหม่จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการของไทยในการเข้าไปทำการค้า การลงทุน ตลาดอื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติม อาทิ ตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตลาดสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะผู้บริโภคมุสลิมในมณฑลกานซู ของจีน ที่ก็เป็นตลาดที่น่าสนใจ รวมไปถึงตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นดาวเด่นในการส่งออกช่วงปีที่ผ่านมา โดยจะมุ่งเน้นตลาดยุโรป เป็นต้น