กรมชลฯ ทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำแบบขั้นบันได 24 ก.ย. กระทบท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

กรมชลฯ ระบายน้ำ

เฉลิมชัย กำชับกรมชลฯ รับมือสถานการณ์ฝนตกเพิ่มขึ้นสัปดาห์นี้ พร้อมเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 2,000 ลบ.ม./วินาที เป็นไม่เกิน 2,200 ลบ.ม./วินาที แบบขั้นบันได เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

วันที่ 23 กันยายน 2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ของกรุมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 21-25 ก.ย. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ นำการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา มาวางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบาย เพื่อรองรับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดัน ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (23 ก.ย. 65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 53,203 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 70 ของความจุอ่าง ยังสามารถรับน้ำได้อีก 25,579 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 15,420 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 9,451 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 21-26 กันยายน 2565 บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น

“สถานการณ์น้ำปัจจุบัน สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 2,058 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 2.63 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ที่สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท 1,989 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน มีความจำเป็นปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิม 2,000 ลบ.ม./วินาที เป็นไม่เกิน 2,200 ลบ.ม./วินาที ในลักษณะทยอยปรับการระบายแบบขั้นบันได เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ”

ดังนี้ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)

วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี และ อ.เมือง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

วัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง โดยอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน โดยระดับน้ำบริเวณดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 0.30-0.50 เมตร ในช่วงวันที่ 25-27 กันยายน 2565