บอร์ดอีวี เร่งทุกหน่วยกระตุ้นมาตรการกับประชาชน ภายใน ต.ค. 65

รถยนต์ไฟฟ้า ชาร์จ อีวี

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3 เร่งทุกหน่วยกระตุ้นมาตรการและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ภายใน ต.ค.นี้ พร้อมรับทราบ 6 เรื่อง เริ่มทำแพลตฟอร์มกลาง มิเตอร์สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย อัตราค่าไฟ การขออนุญาตตั้งสถานีชาร์จ มาตรฐานชิ้นส่วน และให้สรรพสามิตเร่งออกมาตรการผลิตแบตเตอรี่สำหรับ EV

วันที่ 23 กันยายน 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ครั้งที่ 3/2565 พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในมาตรการต่าง ๆ เร่งกระตุ้นและประชาสัมพันธ์ในรายละเอียดการสนับสนุนมาตรการแก่ประชาชนภายในเดือนตุลาคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประชาชนในอนาคต

นอกจากนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความคืบหน้ามาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยปัจจุบันมียอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขอรับสิทธิตามมาตรการ รวมทั้งสิ้น 17,068 คัน

รวมถึงรับทราบแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะจำนวนทั้งสิ้น 2,572 หัวจ่าย จาก 869 สถานี และจะเร่งผลักดันเพิ่มจำนวนสถานีกระจายไปยังทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

อีกทั้งเตรียมส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ โดยเริ่มนำร่องจากรถตุ๊กตุ๊ก EV ซึ่งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอแนวทางการสนับสนุน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์การติดตั้งสถานีชาร์จ EV ในคอนโดมิเนียม หรือที่พักอาศัยให้ประชาชนได้รับทราบ โดยการประชุมบอร์ด EV ในครั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.การจัดทำแพลตฟอร์มกลาง สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเชื่อมโยงเครือข่ายแอปพลิเคชั่นการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้าแต่ละรายแบบ Real-Time เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเห็นข้อมูลบนทุก ๆ แพลตฟอร์ม

ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว และในอนาคตผู้ใช้บริการจะสามารถสั่งชาร์จและจ่ายเงินระหว่างกันได้จากทุกแพลตฟอร์ม

2.การกำหนดแนวทางการขอมิเตอร์ตัวที่สองสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยอัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นควรให้เลือกรูปแบบการติดตั้งมิเตอร์เครื่องเดียว หรือมิเตอร์เครื่องที่สอง เพื่อเป็นทางเลือกในการพิจารณาติดตั้งใหม่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ใช้ไฟให้เกิดความเป็นธรรม และไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้ไฟโดยรวมสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย รวมถึงกิจการขนาดเล็ก

3.การกำหนดอัตราค่าพลังงานไฟฟ้า สำหรับผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Low Priority โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้กำหนดอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Public EV Charger) ในอัตรา 2.9162 บาทต่อหน่วย เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ทั้งนี้ อยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอการปรับอัตราค่าไฟฟ้าใหม่เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป

4.การขออนุญาตประกอบกิจการพลังงานให้กับผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยได้กำหนดปรับปรุงการจดแจ้งยกเว้นกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อลดระยะเวลาลง ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับทราบขั้นตอนที่ชัดเจนต่อไป

5.การจัดทำมาตรฐานชิ้นส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนที่จำเป็นต่อการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้า ที่ดำเนินการโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งได้จัดทำมาตรฐานแล้วเสร็จ 123 เรื่อง เช่น แบตเตอรี่ เต้าเสียบ-เต้ารับ มอเตอร์ และอินเวอร์เตอร์ เป็นต้น

6.แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งในที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะและแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิต นำไปพิจารณามาตรการส่งเสริมและสนับสนุน เสนอคณะกรรมการพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป