จีนตรวจเข้มเพลี้ยแป้งลำไยจากไทย กรมวิชาการเกษตรคุมมาตรฐานล้งตะวันออก

จีนตรวจเข้มเพลี้ยแป้งลำไย

กรมวิชาการเกษตร เร่งตรวจสวน ล้งส่งออกลำไยภาคตะวันออก แก้ปัญหาเพลี้ยแป้ง คุมเข้มมาตรฐานส่งออก หลังปี 2564 พบลำไยเป็นพืชที่จีนมีการแจ้งเตือนตรวจสอบศัตรูพืชมากที่สุด

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปัญหาการแจ้งเตือนตรวจพบศัตรูพืชในผลไม้ส่งออกไปจีนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลการตรวจประเมินการจัดการศัตรูพืชและมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกไปจีน เมื่อปี 2564 พบว่าลำไยเป็นพืชหนึ่งที่จีนมีการแจ้งเตือนตรวจสอบศัตรูพืชมากที่สุด

กรมจึงลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามภารกิจงาน การตรวจสอบศัตรูพืชลำไย พร้อมดูแลมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นในแปลง GAP และโรงคัดบรรจุลำไย ในฤดูกาลผลิต 2565 ในจังหวัดจันทบุรี

โดยพบปะผู้แทนสมาคมชาวสวนลำไย และสมาคมผู้ประกอบการส่งออกลำไย พร้อมมอบใบรับรอง GAP  ลำไยหมายเลขรหัสใหม่ให้แก่ เกษตรกรพื้นที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จำนวน 15 ราย และรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจการตรวจสอบศัตรูพืชลำไยและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแปลง GAP และโรงคัดบรรจุลำไย ฤดูกาลผลิต 2565/2566 ที่ด่านตรวจพืชจันทบุรี โดยกลุ่มถ่ายทอดเทคโนโลยี กลุ่มพัฒนาการตรวจสอบพืชและปัจจัยการผลิต สวพ.6 และด่านตรวจพืชจันทบุรี

โดยในขณะนี้เขตพื้นที่ภาคตะวันออก 7 จังหวัด มีจำนวนแปลงที่ต้องเปลี่ยนรหัสรับรอง GAP ใหม่ มีจำนวน 80,779 แปลง ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วจำนวน 33,733 แปลง และอยู่ในระหว่างการดำเนินการอีกจำนวน 47,046 แปลง ทั้งนี้ สวพ.6 ยืนยันว่าจะเสร็จสิ้น 100% ตามที่กรมกำหนดภายในวันที่ 31 ธ.ค. 65 นี้

พร้อมกันนี้ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบคุณภาพลำไย การตรวจสอบศัตรูพืช เพื่อการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช พร้อมมอบแนวทางการปฏิบัติการส่งออกลำไยให้ปลอดจากเพลี้ยแป้งในโรงคัดบรรจุลำไย 2 แห่ง คือโรงคัดบรรจุ บริษัท ไทยโทนพญานาค จำกัด และโรงคัดบรรจุ บริษัท โซ่ชินหยวน อิมพอร์ต เอกซ์พอร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด จ.จันทบุรี

และตรวจเยี่ยมแปลง GAP ลำไย ของนางสมฤดี สีละคุณ ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี รวมทั้งแปลง GAP ลำไยของนางสุดา จันที่นอก ต.สะตอน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี พร้อมกับตรวจเยี่ยมติดตามงานตามภารกิจด้านการนำเข้า-ส่งออกของด่านตรวจพืชจันทบุรี ที่ตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา

การป้องกัน ควรป้องกันกำจัดมดไม่ให้ขึ้นต้น เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว หรือผ้าชุบสารฆ่าแมลง มาลาไทออน อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์บาริล อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พันไว้ที่โคนต้นและวัสดุค้ำยันต่าง ๆ กำจัดวัชพืชในแปลงปลูกให้สะอาด โดยเฉพาะแห้วหมูและหญ้าคา โดยถอนต้นและขุดเหง้าที่อยู่ในดินออก หรือใช้สารฮาโลซัลฟูรอน-เมทิล เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ดับบลิวจี หรือไกลโฟเซต-ไอโซโพพิล แอมโมเนียม 48% พ่นระหว่างแถวไม้ผล พร้อมกับหมั่นสำรวจแปลงทุก 7 วัน

ลำไย

สำหรับวิธีการปฏิบัติในการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมก่อนส่งลำไยผลสดเข้าโรงคัดบรรจุเพื่อการส่งออกที่แนะนำเกษตรกร มีดังนี้ ที่แปลงต้องมีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีการตรวจคัดกรองคนงาน
ที่จะเข้ามาในแปลงทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน เมื่อสำรวจแล้วไม่พบเพลี้ยแป้งทำการหักช่อผลออกจากต้น
แล้วใส่ในภาชนะ เพื่อป้องกันไม่ให้ช่อผลลำไยสัมผัสพื้นดินโดยตรง

การคัดแยกต้องดำเนินการบนผ้าพลาสติกหรือผ้ายาง ถ้าพบเพลี้ยแป้ง หรือเพลี้ยหอย หรือราดำ หรือมด ที่ช่อผล ต้องแยกช่อผลนั้นออกทั้งช่อไม่นำมาคัดหรือตัดแต่ง ส่วนช่อผลที่พบอาการผลเน่าหรือผลแตกเกิน 30% ควรคัดทิ้งทั้งช่อ และควรมีตะกร้าใส่ช่อผลที่คัดทิ้งแยกต่างหากเพื่อไม่ให้ปะปนกับผลที่ยังไม่คัด ความยาวก้านของช่อผลลำไย ต้องทำการตัดแต่งความยาวก้านของช่อผลลำไยไม่เกิน 15 เซนติเมตร ซึ่งเป็นไปตามกำหนดของจีน

และในการขนส่งลำไยควรขนส่งด้วยพาหนะที่มีการปิดมิดชิด เพื่อป้องกันแมลงที่อาจมาทำลายซ้ำ และป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยสามารถดูรายละเอียดวิธีการปฏิบัติในการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมก่อนส่งลำไยผลสดเข้าโรงคัดบรรจุ

“การลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีในครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่ต้องการให้ติดตามสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยแป้งไม่ให้ติดปนเปื้อนไปกับผลผลิตลำไยส่งออก พร้อมกับร่วมรับฟังและแก้ไขปัญหาให้การดำเนินงานส่งออกลำไยไปจีนของเกษตรกรและผู้ประกอบการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรักษามาตรฐานการส่งออกผลไม้ของไทยต่อไป” นายภัสชญภณกล่าว