อัพเดตข้อมูลล่าสุด วันที่ 10 พ.ย. 2565 เวลา 09.54 น.
สัมภาษณ์พิเศษ
การกุมบังเหียนกองทุนน้ำมันฯในยุควิกฤตพลังงานนับเป็นความท้าทายไม่น้อย โดยเฉพาะยังไม่เห็นว่าแสงสว่างปลายอุโมงค์จะเป็นเมื่อไรด้วย นับว่ายากยิ่ง
“วิศักดิ์ วัฒนศัพท์” ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช. ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.สกนช. เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เป็นจังหวะเดียวกับวิกฤตพลังงานพอดี ทั้งยังนับเป็นวิกฤตครั้งแรก นับจากที่กองทุน หรือเดิมคือ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพน. โยกจากใต้ปีกกระทรวงพลังงาน มาอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2562
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
วิกฤตครั้งแรกของกองทุน
เดิม สบพน.อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงพลังงาน วิกฤตตอนนั้น นับจากยุครัฐบาลสมัคร-อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ ที่ใช้เงินกู้ แต่เป็นวิกฤตสั้น ๆ เช่น ต้มยำกุ้ง ต่างจากวิกฤตรอบนี้มีทั้งสงคราม และโควิด-19 ประเด็นปัญหามีความแตกต่างกัน คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ต้องปรับการทำงานตั้งแต่เดิมประชุมเดือนละครั้ง แต่ตอนนี้ กบน.ประชุมทุกวัน
“วิกฤตรอบนี้หักปากกาเซียน เพราะปกติการบริหารจะดูว่าฟอร์เวิร์ดไพรซ์เป็นอย่างไร ซึ่งส่วนมากเป็นซีซันนิ่ง คือ ฤดูร้อน ฤดูหนาว มีผลให้ราคาสะวิงอย่างไรจะมีฟอร์แมตอยู่ แต่มารอบนี้เปลี่ยนเร็วมากทุกวัน บางครั้งวันเดียว 10 กว่าเหรียญสหรัฐ
โดย 2 ตัวที่เราดูแลคือ น้ำมันดีเซล เดิมจะเรียกว่าวิกฤตได้ คือ ราคาสะวิง 1 สัปดาห์เปลี่ยนมากกว่า 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่นี่เปลี่ยน 10 เหรียญสหรัฐ ส่วนแอลพีจีในสัปดาห์หนึ่งสะวิงเกิน 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือถัง 15 กก. ราคาขายมากกว่า 363 บาท ถือว่าเป็นวิกฤต ตอนนี้ราคาขยับไปที่ 408 บาทแล้ว”
สาเหตุเกิดจากราคาตลาดโลกสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตอนนี้กองทุนก็ยังช่วยทั้งดีเซล และแอลเอ็นจี ยังติดลบอยู่ทั้งสองขา 129,000 ล้านบาท
กลไกกองทุน
กลไกกองทุนจะมีมาตรา 26 กำหนด ว่าให้มีเงินได้ห้ามเกิน 4 หมื่นล้าน และกู้ได้แค่ 20,000 ล้านบาท “แต่” มีวรรค 3 ตอนท้ายที่ใช้อยู่คือ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งเราใช้แชนเนลนี้ เพราะว่าบางเดือนมีเงินไหลออก 2 หมื่นล้าน ตัวนี้คือ ถ้าใช้กลไกกองทุนไม่สามารถเดินต่อได้ ก็คือต้องเอ็กซิต
ซึ่งในแผนบริหารจัดการในภาวะวิกฤตพลังงานระบุว่า ถ้ากองทุนเริ่มติดลบ ต้อง 1) ไปเจรจาปรับลดภาษีสรรพสามิต เราก็ดำเนินการ ไปขอลดซึ่งเขาก็ลดให้บางส่วน แต่สงครามก็ยังลากยาว ทำให้เราต้องมาขยายต่อ ล่าสุดเป็นการขยายวงเงินกู้ 150,000 ล้านบาท
ถ้าต้องแบกไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้มี 2 อย่างที่มอนิเตอร์อยู่ คือ ฟอร์เวิร์ดไพรซ์ติดตามราคาตลาดโลกทุกวัน ฝั่งโอเปกพลัสจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต แต่อีกด้านคือ “รีเซสชั่น” ของอเมริกา หรือทางยุโรป ทำให้ดีมานด์ลดลง ราคาไม่เพิ่ม ซึ่งเราพบว่าราคาฟอร์เวิร์ดไพรซ์ที่เรามอนิเตอร์อยู่เทรนด์ขาลง แต่ไม่หวือหวา ค่อย ๆ ลง และยังกังวลส่วนตัวกับทางบอร์ดว่าช่วงหน้าหนาวทุกคนจะกลัว เพราะว่าซีซันนิ่งหน้าหนาวนี้ราคาพลังงานจะแพง
“ตอนนี้น้ำหนักเรื่องเศรษฐกิจโลกน่าจะมีประเด็นมากกว่า เพราะตอนนี้รัสเซียถูกบีบรัดอยู่ ไบเดนกำลังเลือกตั้งกลางเทอม ถ้ารีเซสชั่นทำให้เศรษฐกิจไปต่อไปไม่ได้ หรือจีนปิดประเทศนาน ๆ ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ราคาน้ำมันจะลดลง คนก็ไม่มีกำลังซื้อ กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็จะลดลง
เพราะดีมานด์ลดลง ซัพพลายก็ผลิตมาขายไม่ได้ เราก็ทำหน้าที่ส่งสัญญาณ ทำงานบนแฟกต์เพียงแต่เราเห็นฟอร์เวิร์ดไพรซ์ราคาลง แต่ก็ไม่รู้ต่อไปจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดเป็นเกณฑ์ของโลก ปลาซิวปลาสร้อยก็กระทบ”
อุดหนุนยาวนานข้ามปี
ตอนนี้มองว่าราคาที่ตรึงไว้ 35 บาท ดีเซลเป็นตัวเลขที่ภาคธุรกิจเริ่มยอมรับใช้เป็นต้นทุนคำนวณเพราะไม่มีโอกาสกลับไป 30 บาทแล้ว แต่ก่อนตอนที่ตรึงราคาดีเซล 30 บาท เราจ่ายซับซิดี้ 14 บาท ถ้าใช้ดีเซลวันละ 60 ล้านลิตร เงินหายไปจากการชดเชย 180 ล้านบาทต่อวัน หรือ 5,400 ล้านแพงมาก ๆ ตอนนั้นต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปต่างประเทศขึ้นไป 170-180 เหรียญสหรัฐ
พอมาตอนนี้เราซับซิดี้ 1.98 บาทต่อลิตร เพื่อให้ดีเซล 35 บาท จากราคาที่แท้จริงที่ 37 บาท บนสมมุติฐานที่ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปต่างประเทศอยู่ที่ 120-125 เหรียญสหรัฐ และค่าบาทปรับจาก 33-34 เป็น 37-38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งเราก็พยายามเบนช์มาร์กกับเวียดนาม อยู่ที่ 38 บาท เรายังถูกกว่าถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน แต่อยู่ที่ว่า นโยบายการสร้างสมดุล รัฐบาลจะเอาอย่างไร เพราะกองทุนแค่กลไกตัวเล็ก ๆ และมีขีดจำกัด
“เวิร์ดเคส เงินตอนนี้ถ้าติดลบ 130,000 ล้านบาท มีกรอบการกู้ 150,000 บาท เมื่อจ่ายหนี้แล้วเหลือ 20,000 บาท ซับซิดี้อยู่ 2-3 บาท หากใช้ดีเซล 60 ล้านลิตรต่อวัน รวม 180 ล้านบาทต่อวัน รวม 30 วันเท่ากับอุดหนุนเดือนละ 5,400 ล้านบาท หากคำนวณจากเงินที่มี 20,000 ล้าน ประมาณ 4-5 เดือน หรือจะถึง ก.พ. 2566 พอดี นั่นคือที่มาของการพิจารณาเรื่องการขึ้นราคาอาจจะต้องขยับจาก 35 บาท”
แนวโน้มการใช้ปีหน้า
เท่าที่ดูล่าสุด การใช้ดีเซลเพิ่มจาก 60 เป็น 70 ล้านลิตร ซึ่งเข้าไปใกล้กับช่วงเศรษฐกิจดี ๆ นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวน่าจะได้ผล และส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการใช้น้ำมันดีเซลไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ราคาแอลเอ็นจีปรับสูงขึ้น
แผนรับมือวิกฤตพลังงานปีหน้า
การบริหารจะมอนิเตอร์เทียบกับประเทศในอาเซียน ซึ่ง “ราคาไทยไม่ได้แพงโดดไปกว่าเพื่อนบ้าน” ยิ่งสิงคโปร์คนละแบบกับเรา มาเลเซีย และบรูไนราคาถูกกว่าเรา เขาเป็นผู้ผลิต เวียดนามตอนหลังมาเท่าที่ทราบเขาพยายามทำเอากองทุนเข้าไปช่วย แต่ไม่แน่ใจเรื่องระบบผู้ค้าของเขาว่าเป็นอย่างไร เราห้ามขาดแคลน มีกฎหมายบอกว่าเราต้องสำรองน้ำมัน ยิ่งเทศกาล ไม่ว่าปีใหม่ สงกรานต์ เราจะบอกให้ทางปั๊มน้ำมันต้องสต๊อกเพิ่ม
ตรงนี้มีอีกมิติ คือ ไม่ว่าอย่างไรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ “คอนโทรลราคาดีเซล” ไม่ให้แพงมากเกินไป เพราะจะทำให้เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และเศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา จึงให้กลไกของกองทุนติดลบไปเรื่อย ๆ ข้อเสนอได้เสนอไปว่า ตามแผนด้วยความที่เงินเรามีอยู่จำกัด กองทุนจะไม่สามารถเดินต่อได้ ต้อง “ลอยตัว” แล้ว แต่ผลสรุปบอกไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นลาว ศรีลังกา หรือเวียดนาม ซึ่งเพิ่งมีข่าวว่าไม่มีน้ำมันจำหน่าย
“ไทยยังดีกว่าหลายประเทศ เพราะยังมีผู้ค้ามาตรา 7 ซึ่งหารือร่วมกันถึงแนวทางการทำงานว่าอยู่ระหว่างการกู้ ทุกคนรู้สถานการณ์ สำหรับการจ่ายคืนตามเงินสภาพคล่องที่มีแต่ยังต่ำ เพราะมีรายได้เข้ามาประมาณเดือนละ 2,000 ล้าน จากกองทุนหนุนของ LPG ต่ำกว่าปกติที่เคยจ่าย 5,000-7,000 ล้านต่อเดือน จึงสะสมหนี้มาเรื่อย ๆ แต่ถ้าแบงก์ไม่ปล่อย เราก็จ่ายต่อไม่ได้ จากรายรับที่มี 2,000 ล้านต่อเดือน”