จีนคลายมาตรการซีโร่โควิด ดันจีดีพีพุ่ง 7%-โอกาสทองทุนไทย

คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

เพียงสัปดาห์เดียวหลังจากการชุมนุมประท้วงการใช้มาตรการโควิดซีโร่ ได้สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลจีน “ผ่อนคลายมาตรการซีโร่โควิด” ที่เข้มงวดมากกว่า 2 ปี ลงอย่างเห็นผลทันตา นำร่องจากเซี่ยงไฮ้ ต่อเนื่องด้วยพื้นที่อื่นๆ ภาพเศรษฐกิจจีนจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร” รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

จุดเปลี่ยนหลังประท้วง

ถ้าเรามองการประท้วงในมิติเชิงบวก เราจะเห็นว่าเพียงสัปดาห์เดียวได้กดดันรัฐบาลคลายล็อกมาตรการที่เคยดำเนินการ ตามนโยบายที่ป้องกันโควิดแบบมีพลวัตอย่างเป็นรูปธรรมรวดเร็วมาก

“เซี่ยงไฮ้ นำร่อง เมื่อ 4 ธันวาคม 2565 ประกาศคลาย และมีผลบังคับใช้วันถัดมาคือ วันที่ 5 ธันวาคม 2565 นำร่อง ปรากฏว่าการตรวจสอบ health QR code หรือเข้าไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจว่าเป็นสีเขียวหรือไม่

และจะมีเป็นซุ้มหรือเต็นท์ที่ให้บริการตรวจ RT PCR แก่ประชาชน ตอนนี้ปรากฏว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นหายไป ให้แสดง health QR code เฉพาะในส่วนทางเข้าอาคารสาธารณะห้างสรรพสินค้า โรงหนัง”

เศรษฐกิจฟื้นโต 7%

เดิมหลายคนกังวลว่าการประท้วงจะเป็นผลเสียต่อการวางแผนการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของจีน แต่กลับกลายเป็นว่าถ้าเราไปดูตลาดหลักทรัพย์ฯหรือแม้กระทั่งการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2566 หลายสำนักเพิ่มขึ้น

“ผมเองวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ 3% หลายสำนักพูดว่าปีหน้า 3-4% จากเป้าที่วางไว้ 5.5% ปีนี้เหลือเดือนสุดท้ายแล้วคงจะโตต่ำกว่าเป้าหมายแน่นอน แต่ผมมองไปถึง 7% โดยเฉลี่ย 2 ปี จะเป็นปีละ 5% เป็นไปตามอัตราเฉลี่ยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 14”

“บริโภคภายในประเทศ” โต

เหตุที่จีดีพีโตอันแรกเลยประเมินจากจีนได้มีการตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5% ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 14 ซึ่งหากปีนี้เขาโต 3% ปีหน้าเขาจะต้องเบ่งให้โตให้เร็วขึ้นทุกส่วนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภาคการบริโภคภายในประเทศ

“การผ่อนคลายมาตรการกักตัวจากสมัยก่อนล็อกดาวน์เป็นรายเมือง ลงมาเหลือรายชุมชนรายหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เหลือแค่ในห้อง เท่ากับผลกระทบในวงกว้างน้อยลง คนได้ออกมาจับจ่ายใช้ชีวิต ทำให้การท่องเที่ยวจะพลิกฟื้นกลับมาสังเกตได้เลยว่าหุ้นในสาขาพวกนี้ในเมืองจีนปรับสูงขึ้นทันทีที่รัฐบาลจีนปรับมาตรการผ่อนคลายลงตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบพลวัต หุ้นธุรกิจเหล่านี้ดีดตัวขึ้น 30% บางรายขึ้นไปถึง 50% เราคาดหวังว่าจากนี้ไปจะโต”

การลงทุนของภาครัฐจะมีส่วนสูงมากเพราะว่าปีนี้รัฐบาลไม่มีโอกาสที่จะลงทุน ซึ่งหากประชุม 2 สภาเสร็จในเดือนมีนาคม 2565 เรียบร้อย มีการส่งไม้ต่อจากนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ไปให้กับนายกรัฐมนตรีคนถัดไปหลี่เฉียงจะทำให้การขับเคลื่อนตามนโยบายต่าง ๆ ที่กำหนดเวลาเดินหน้าได้อย่างเต็มตัว

“เราจับสัญญาณนี้ได้ตั้งแต่หลังการประชุมสมัชชาใหญ่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสร็จสิ้น ก็เริ่มเห็นการเดินทางของคณะผู้แทนจีน ทั้งรัฐและเอกชนมาเยือนประเทศไทยมากขึ้น อย่างรวดเร็ว

ผมคิดว่าปีหน้าน่าจะดีขึ้น หมายถึงการพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศก็จะ การส่งเสริมการค้า การลงทุนก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นด้วย ยิ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มาเยือนเอเปคก็น่าจะมีผลเชิงบวกในส่วนนี้”

ในด้านการค้าก็จะขยายตัว เพราะว่าในปีนี้จริงก็มีปัญหาในมิติของภาคการผลิต ทำให้การส่งออกสินค้าบางอย่างชะลอตัวไป ฉะนั้นการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบมาผลิตสินค้าสำเร็จรูปในปีนี้ชะลอตัวลง แต่พอปีหน้าทุกอย่างปลดล็อกก็จะดีดกลับไปในอัตราที่สูง

แนะรัฐบาลโรดโชว์จีน

“ในส่วนของการส่งออกไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลต่อไปที่จะเกิดขึ้นจะต้องรีบดำเนินกิจกรรมโครงการในการที่จะเอาไปสถานการณ์การค้าที่จะเปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ รัฐบาลต้องเดินทางเยือนจีนเพื่อขยายความร่วมมือทางด้านการค้าระหว่างกัน”

ส่วนภาคเอกชนจำเป็นจะต้องขยับเข้าไป อย่ารออยู่ที่ประเทศไทย เพราะตลาดจีนใหญ่โตมากและจะเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการบริโภคภายใน ดังนั้น เราจำเป็นต้องเข้าไปเจาะตลาด

ตอนหลังตลาดจีนไม่ได้เติบโตเป็นรายหัวเมืองเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้จะเป็นรายกลุ่มเมืองประมาณ 23 กลุ่มเมืองกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งภายในกลุ่มเมืองหนึ่งจะประกอบไปด้วยประมาณนับสิบเมือง

นั่นหมายความว่าโอกาสทางการตลาดและทางธุรกิจจะเพิ่มขึ้นมหาศาล ในมิติทางการค้าน่าจะเกิดจากรัฐชูธงไป เอกชนตาม หรือรัฐไม่ไป แต่เอกชนก็ต้องเดินหน้าทำ

“มีคำกล่าวว่าตลาดจีนเปลี่ยนเล็กทุกปี เปลี่ยนใหญ่ทุกสามปี ซึ่งโควิดผ่านไปก็ครบ 3 ปีพอดี เราจะต้องไปดูสภาพตลาดว่าเปลี่ยนไปอย่างไร”

ทุนไทยปักธงไม่ย้ายฐาน

“ผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในหอการค้าไทยในจีน 100 กว่าราย เราก็ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการถอนการลงทุนจากประเทศจีนในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดมีการล็อกดาวน์ที่เซี่ยงไฮ้ ทางรัฐบาลก็มีการสอบถามเรื่องพวกนี้ ซึ่งเรายื่นกิจการหลายอย่างของเรายังตอบรับในเชิงบวกว่าจะมีการขยายการลงทุนในจีนอีกด้วย เรามองว่านี่คือโอกาส”

เดิมธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนครอบคลุมหมดทั้งเรื่องเกษตร เกษตรแปรรูป อาหาร อุตสาหกรรม

“ในอนาคตจีนยังต้องการธุรกิจอีกมาก โดยเฉพาะธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและเทรนด์ของโลก เช่น พฤติกรรมโลกเปลี่ยนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น หรือเรื่องสิ่งแวดล้อม ท่านสี จิ้นผิง มีนโยบายเรื่องการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือแม้แต่เทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยในการประหยัดพลังงาน หรือสร้างผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ก็แนวโน้มดีเช่นกัน”

ผนึกเส้นทางสายไหม

ไม่เพียงแต่การขยายเข้าไปทำตลาดจีน แต่ต้องบุกไปในเส้นทางสายไหมทางเศรษฐกิจใหม่ หรือ BRI ซึ่งเราจะเห็นว่าจีนมุ่งมั่นในนโยบายนี้ 10 ปีที่ผ่านมา สมัยแรกๆ ที่เริ่มทดลองเดินรถไฟจากอี้อูด้านตะวันออกไปยังหัวเมืองตะวันตกของยุโรป ตอนนั้นทดลองเดินทางปีละหนึ่งเที่ยว

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาให้บริการสัปดาห์ละมากกว่า 40 เที่ยวแล้ว ซึ่งนี่เป็นโอกาสของเราเหมือนกันในการเกาะเกี่ยวเพื่อสร้างความเติบโตของธุรกิจ

เช่นเดียวกันรถไฟจีน-ลาว ล่าสุดรัฐบาลจีนส่งสัญญาณเชิงบวกเปิดด่านโมฮาน หรือบ่อหานเรียบร้อย ต่อไปถ้ามีการส่งสินค้าไปก็จะสามารถผ่านพิธีการศุลกากรและมาตรการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ด่านรถไฟบ่อหาน

เชื่อว่าจะทำให้การเดินทางไปมาหาสู่และการค้าระหว่างกันผ่านเส้นทางรถไฟในปีหน้าจะเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวน่าจับตามอง

นักท่องเที่ยวจีนกลับมา

ถ้าดูจากทิศทางการผ่อนคลายมาตรการในห้วงที่ผ่านมาแนวโน้มของคนที่เดินทางเข้ามายังเมืองไทยยังเพิ่มมากขึ้น จากเดิมเดินทางกลับไปยังต้องกักตัวแบบ 5 + 3 หมายถึงกักตัวที่ด่าน 5 วัน

และกักตัวที่บ้าน 3 วัน เท่ากับว่าเขาหมดวันหยุดแล้ว แต่ในอนาคตเชื่อว่าประเด็นนี้จะชัดเจนมากหลังการประชุม 2 สภาในเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งผมคาดหวังว่าจำนวนวันในการกักตัวจะหายไป

ตอนนี้เราจะเห็นจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น ผมมีโอกาสรับคณะของจีน จะเห็นว่ากลุ่มแรกจะเป็นนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาทำธุรกิจแล้วก็ถือโอกาสในการท่องเที่ยว ถ้าปลดล็อกจริง ๆ ในปีหน้ามองตัวเลขประมาณ 5 ล้านคนจากก่อนโควิด 10 ล้านคน เมื่อรวมกับนักท่องเที่ยวจากแหล่งอื่นอีก 20 ล้านคน รวมแล้วไทยจะมีนักท่องเที่ยว 25 ล้านคน ขยับใกล้ช่วงก่อนโควิด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างมาก