กกร. ยื่นหนังสือถึง ประยุทธ์ หารือค่าไฟ ก่อนปีใหม่ได้คุยแน่นอน

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

สนั่น เผย กกร.ทำหนังสือขอเข้าพบ นายกรัฐมนตรี หารือค่าไฟฟ้า ชี้ต้องร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุด คาดว่าน่าจะได้หารือก่อนปีใหม่นี้ ย้ำต้องหารือก่อนบอกไม่ได้จะมีผลอะไรบ้าง

วันที่ 21 ธันวาคม 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า วันนี้ กกร.ได้ทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบและหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นค่าพลังงานไฟฟ้า เนื่องจาก กกร. มีความห่วงใยโดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อจะฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2566

ทั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย เพราะต้องยอมรับว่าค่าพลังงานเป็นต้นทุนในการผลิตการส่งออกสินค้า

กกร.ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อที่ต้องการจะชี้แจงเกี่ยวกับค่าพลังงาน จากผลการประชุมสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพราะมีผลทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนทั่วไป โดยทำอย่างไรเพื่อให้ค่าพลังงานนั้นจะกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าทุกคนจำเป็นจะต้องปรับตัว ประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดย กกร.ก็พร้อมที่จะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมและวิเคราะห์จากผู้ใช้ไฟฟ้านำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด

“กกร.ยังไม่ได้คิดว่ากรณีเลวร้าย หรือร้ายแรง และไม่ได้ที่จะยึดติดว่าต้องการให้คงหรือลดค่าไฟฟ้า ตามความเห็นที่ออกมา แต่สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ เข้าไปหารือและพูดคุยเพื่อหารือแนวทางและให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนจะได้เข้าหารือกับนายกฯเมื่อไรยังไม่ทราบ เข้าใจว่าท่านมีภารกิจเยอะ แต่มั่นใจว่าน่าจะได้หารือก่อนปีใหม่นี้แน่นอน”

อย่างไรก็ดี เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะกรุณารับฟังความเห็นจากภาคเอกชน และทบทวนว่าจะมีการพิจารณาช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร และร่วมกันหาทางออกที่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุด เพราะต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เศรษฐกิจโดยรวม การหารือครั้งนี้ หารือเฉพาะเรื่องของค่าไฟฟ้าอย่างเดียว และขอหารือก่อน เพราะตอนนี้ไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเป็นอย่างไร มีผลกระทบอะไรบ้าง ทั้งนี้ กกร.มีเกณฑ์การคำนวณค่าไฟ โดยพิจารณาใครใช้มากจ่ายมาก ใครใช้น้อยจ่ายน้อย

นายสนั่นกล่าวอีกว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมีนโยบายออกมานั้น มีประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก เช่น ภาษีที่ดิน ก็ลดลงมา 15% อย่างน้อยก็ช่วยเหลือเกี่ยวกับทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งขณะนี้เอกชนก็อยู่ระหว่างการศึกษาว่าทำอย่างไรให้มีเม็ดเงินเข้ามาและดึงดูดนักลงทุน ผู้เข้ามาทำงาน จะได้รับประโยชน์ แต่สิ่งที่สำคัญคือคนไทยต้องได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งคาดว่าผลศึกษาเรื่องที่ดินน่าจะออกมาในช่วงต้นปี 2566

ส่วนมาตรการอื่น ๆ อย่างเที่ยวด้วยกัน คิดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 2566 ช้อปดีมีคืนก็เป็นข่าวดีให้ประชาชนสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าได้มากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.5%

ส่วนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค 2022) ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นประชาชนคนไทยได้ประโยชน์อย่างมาก และไม่ต้องการให้คนไทยมองว่าประชุมเสร็จแล้วจบ แต่ควรที่จะนำผลการประชุมเหล่านั้นมาขยายต่อและสร้างเพื่อให้ก่อประโยชน์ต่อประเทศไทยให้อย่างเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด และก็คาดหวังว่าให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่อเรื่องนี้