
กกพ.ประกาศขึ้นค่าไฟ ปี 2566 ภาคครัวเรือน ธุรกิจ อุตสาหกรรมไหน จ่ายเท่าไหร่ ?
วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 การคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่า Ft งวดที่ 1/2566 ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2566 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์/หน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ที่อัตรา 190.44 สตางค์/หน่วย
ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน รวมถึงธุรกิจภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ถูกปรับขึ้น ในอัตราที่แตกต่างกัน
ครัวเรือน-กิจการอื่น ๆ จ่ายอัตราต่างกัน
ทั้งนี้ การปรับอัตราค่าไฟฟ้าในกลุ่มประเภทบ้านอยู่อาศัย ยังคงเรียกเก็บในอัตราเดิมคือ 4.72 บาท/หน่วย แต่ค่าไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากที่อยู่อาศัย ตั้งแต่กิจการขนาดเล็ก กิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ ตลอดจนโรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ ร้านค้า สถานบันเทิง ค้าบริการต่าง ๆ จะถูกปรับขึ้นไปถึง 5.69 บาท/หน่วย
ผู้ใช้ไฟบ้าน 3 กลุ่ม ลุ้นมาตรการช่วยเหลือ
มีรายงานจากกระทรวงพลังงานว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟ 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มเปราะบาง หรือผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
2.ผู้ใช้ไฟบ้านหรือครัวเรือนทั่วไป ตั้งแต่ 301-500 หน่วย ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือ แต่จะสิ้นอายุมาตรการวันที่ 31 ธันวาคม 2565
3.บ้านที่ใช้ไฟมากกว่า 500 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป
มาตรการช่วยเหลือ และการคำนวณค่าไฟทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามใต้เงื่อนไขการประหยัดพลังงานควบคู่กัน ตามมติ กพช.ครั้งล่าสุด
และเป็นไปตามนโยบาย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุเรื่องค่าไฟแพง ว่า “ต้องมองเหตุและผล ขึ้นเพราะอะไร ขึ้นมากขึ้นน้อย หรือไม่ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าไฟฟ้ามาจากไหน เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เราก็พยายามจะให้เดือดร้อนน้อยที่สุด”
กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า 8 ประเภท มีใครบ้าง
1.บ้านอยู่อาศัย
2.กิจการขนาดเล็ก
3.กิจการขนาดกลาง
4.กิจการขนาดใหญ่
5.กิจการเฉพาะอย่าง
6.องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร
7.สูบน้ำเพื่อการเกษตร
8.ไฟฟ้าชั่วคราว
45 อุตสาหกรรม จ่ายค่าไฟอัตราใหม่
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าดังกล่าว (5.69 บาท/หน่วย) จะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5-12% กระทบถึง 45 อุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูง จำแนกกลุ่มอุตสาหกรรมตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก มีทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม โดยจะส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 9-12% ได้แก่
1.เคมี
2.เหล็ก
3.เยื่อและกระดาษ
4.อะลูมิเนียม
5.หล่อโลหะ
6.แก้วกระจก
7.ปูนซีเมนต์
8.เซรามิก
9.อาหารและเครื่องดื่ม
10.โรงกลั่นน้ำมัน
11.ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าปานกลาง มีจำนวน 16 อุตสาหกรรม โดยจะส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 6-8% ได้แก่
1.ยาง
2.พลาสติก
3.ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
4.เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น
5.ยานยนต์
6.ชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์
7.เฟอร์นิเจอร์
8.ไม้อัดไม้บางและวัสดุแผ่น
9.โรงเลื่อยและโรงอบไม้
10.เครื่องจักรกลการเกษตร
11.เครื่องจักรกลและโลหะการ
12.ต่อเรือซ่อมเรือและก่อสร้างงานเหล็ก
13.แกรนิตและหินอ่อน
14.น้ำตาล
15.น้ำมันปาล์ม
16.หลังคาและอุปกรณ์
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย มีจำนวน 18 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยจะส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นประมาณไม่เกิน 5% ได้แก่
1.เครื่องสำอาง
2.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
3.สมุนไพร
4.ยา
5.ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์
6.เทคโนโลยีชีวภาพ
7.ดิจิทัล
8.อัญมณีและเครื่องประดับ
9.หัตถกรรมสร้างสรรค์
10.หนังและผลิตภัณฑ์หนัง
11.รองเท้า
12.สิ่งทอ
13.เครื่องนุ่งห่ม
14.ผู้ผลิตไฟฟ้า
15.พลังงานหมุนเวียน
16.การจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม
17.การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์
18.ก๊าซ
- โรงงานอ่วมค่าไฟพุ่ง 5.69 บาท สินค้า 45 กลุ่มพาเหรดขึ้นราคา
- กกพ.ประกาศขึ้นค่าไฟ บ้านอยู่อาศัยหน่วยละ 4.72 บาท ธุรกิจ 5.69 บาท