จีไอทีชี้ส่งออกอัญมณีปี’65 โต 29.54% ปี’66 แนะขายดีไซน์เจาะตลาดจีน ญี่ปุ่น

อัญมณีและเครื่องประดับ

จีไอที เผยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2565 เพิ่ม 29.54% ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จับตาปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐ อียู เน้นขายดีไซน์ รักษ์โลก เจาะตลาดจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และอาเซียนเพิ่ม

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน ธ.ค. 2565 มีมูลค่า 521.33 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.41% หากรวมทองคำ มีมูลค่า 568.16 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 31.97% และยอดส่งออกรวมทั้งปี 2565 (ม.ค.-ธ.ค.) หากไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 7,987.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29.54% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 15,057.70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49.82%

สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งปี 2565 เติบโตได้ดี มาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศคู่ค้าที่สำคัญปรับเปลี่ยนนโยบายกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติ ทำให้การผลิตของโลกและกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย
สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย

และช่วงกลางปี มีการผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น สร้างบรรยากาศในการใช้จ่ายสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และยังได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แต่ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดแคลนพลังงาน เงินเฟ้อสูงในหลายประเทศ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น เป็นปัจจัยฉุดรั้งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยที่เริ่มส่งผลต่อการค้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญในปี 2565 ที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ สหรัฐ เพิ่ม 21.51% อินเดีย เพิ่ม 74.38% ฮ่องกง เพิ่ม 16.26% เยอรมนี เพิ่ม 1.03% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 30.79% สิงคโปร์ เพิ่ม 142.93% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 79.80% เบลเยียม เพิ่ม 31.13% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 27.96% และญี่ปุ่น เพิ่ม 4.44%

ส่วนสินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับทอง เพิ่ม 45.18% เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 1.18% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 9.72% เพชรก้อน เพิ่ม 1.99% เพชรเจียระไน เพิ่ม 41.88% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 89.65% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 64.32% พลอยก้อน เพิ่ม 50.42% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 17.32% เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำจากโลหะมีค่า เพิ่ม 15.54% และทองคำ เพิ่ม 82.03%

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ไทยมีการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้น มาจากความต้องการทองคำในตลาดโลก และธนาคารกลางทั่วโลกได้ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นจำนวน 1,136 ตัน มูลค่าประมาณ 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2510 โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักยังเชื่อว่าทองคำในปี 2566 จะยังเป็นขาขึ้น และมีการถือทองคำเพิ่มขึ้นอีก

นายสุเมธกล่าวอีกว่า แนวโน้มการส่งออกในปี 2566 ยังคงต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ ปัญหาราคาพลังงาน เงินเฟ้อที่หลายประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเริ่มชัดเจนในปี 2566 ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ตลาดทางฝั่งเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และอาเซียน จะยังเติบโตได้ดี


อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่พึ่งพาตลาดหลักอย่างสหรัฐ และอียู จะต้องปรับตัวโดยมุ่งเน้นเจาะตลาดด้วยดีไซน์ที่ตรงใจและงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งใช้จุดขายการรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกระแสที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ และต้องมองหาโอกาสจากตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และอาเซียน จะเป็นอีกช่องทางให้ธุรกิจไปต่อได้ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนเช่นนี้