หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคมกราคม 2566 อยู่ระดับ 51.7 สูงสุดในรอบ 2 ปี เหตุประชาชนมั่นใจเศรษฐกิจฟื้น ท่องเที่ยวโต
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 51.7 สูงสุดในรอบ 2 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น จากปัจจุบันที่เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาคึกคัก ธุรกิจดำเนินกิจการได้เหมือนช่วงก่อนมีโควิด ภายหลังจากมีการเปิดประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
ส่งผลให้กำลังซื้อในภาคประชาชนเริ่มกลับมา โดยจะเห็นได้จากความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์
อย่างไรก็ดี กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอยู่เฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ในขณะที่ผู้มีรายได้ปานกลาง และผู้มีรายได้น้อย ยังมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ส่วนการเลือกตั้ง นายธนวรรธน์กล่าวว่า การเลือกตั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 คาดว่าจะมีเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท มากกว่าในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากพรรคการเมืองเริ่มดำเนินกิจกรรมรณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งนานขึ้น ซึ่งเม็ดเงินจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่จะกระจายไปสู่ธุรกิจ ร้านค้าต่าง ๆ จะช่วยสร้างกำลังซื้อ การจับจ่ายใช้ของประชาชนให้เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และฟื้นตัวดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปี 2566 นี้ จะโตได้ใกล้เคียง 4% แต่อย่างไรก็ดี มองเศรษฐกิจปีนี้โต 3.6% หรืออยู่ในการอบ 3.5-4%
นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 51.7 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นับตั้งแต่พฤษภาคม 2565 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนนับตั้งแต่ธันวาคม 2563
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 46.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 49.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 60.2
โดย ปัจจัยบวก ที่สำคัญ คือ
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่มอบเป็นของขวัญปีใหม่ปี’66 แก่ประชาชน เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, มาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงิน
- นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะจีนภายหลังจากการเปิดประเทศ
- ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดี เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังซื้อในต่างจังหวัด
- เงินบาทปรับตัวแข็งค่า สะท้อนถึงการไหลเข้าสุทธิของเงินตราต่างประเทศ
ขณะที่ยังมี ปัจจัยลบ ได้แก่
- ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และรายได้ยังไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%
- กระทรวงการคลัง ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี’66 เหลือโต 3.0% จากเดิมคาด 3.4% จากผลของการส่งออกไทยที่หดตัวต่อเนื่องหลายเดือน
- ความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่จะกระทบต่อราคาน้ำมันโลก และต้นทุนสินค้า
- กังวลต่อปัญหาระบาดโควิด-19 ที่ยังมีการแพร่ระบาด