โพล ส.อ.ท. จี้รัฐบาลใหม่ต้องแก้ปัญหาพลังงาน-ค่าไฟแพงให้เสร็จใน 90 วัน

ราคาน้ำมัน เติมน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน หัวจ่าย การเดินทาง ถนน

ส.อ.ท. เปิดผล FTI Poll ครั้งที่ 27 เสียงสะท้อนจากภาคเอกชน หวังรัฐบาลใหม่ต้องทำภายใน 90 วันแรก มุ่งไปที่การปรับโครงสร้างด้านพลังงาน

วันที่ 29 มีนาคม 2566 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 27 ในเดือนมีนาคม 2566 ภายใต้หัวข้อ “สิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการใน 90 วันแรก” พบว่าสิ่งที่ผู้บริหาร ส.อ.ท. อยากให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เร่งดำเนินการภายใน 90 วันแรกของการทำงาน โดยการสำรวจความเห็นครั้งนี้ได้แบ่งตามปัญหา 5 ด้านที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน

มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์
มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์

ได้แก่ ปัญหาราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าแพง ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบแพง ปัญหาต้นทุนทางการเงิน ปัญหาแรงงาน และปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งในแต่ละเรื่องมีข้อเสนอที่ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเลือกสูงสุด ดังนี้

1.ปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าให้สมดุล 2.ทบทวนปรับลดโครงสร้างอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ 3.ออกมาตรการช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตให้แก่ SMEs ที่อยู่ในระบบภาษี เช่น ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น

4.สนับสนุนระบบการจ่ายค่าจ้างแรงงานตาม ทักษะฝีมือ (Pay by Skill) และรัฐปรับปรุงระบบสวัสดิการแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับแรงงาน 5.ปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ และที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย

ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้มีการนำเสนอผลสำรวจ FTI Poll นี้ ให้แก่ผู้แทนพรรคการเมืองทั้ง 9 พรรค ที่เข้าร่วมเสวนา “วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย” ในการประชุมสามัญ ส.อ.ท. ประจำปี 2566 พร้อมทั้งได้ส่งมอบรายงานข้อเสนอแนะต่อภาครัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการจากปัญหาเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนความเห็นและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรม และเป็นการบ้านสำคัญให้กับพรรคการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศในอนาคตต่อไป

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 427 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 27 จำนวน 5 คำถาม ดังนี้

1.รัฐบาลใหม่ควรเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าแพงในเรื่องใด (Multiple choices)

  • อันดับที่ 1 : ปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง 77.8%
    ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าให้สมดุล
  • อันดับที่ 2 : ปรับลดอัตราค่า Ft ประจำเดือน กันยายน-ธันวาคม 2566 70.0%
    เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ
  • อันดับที่ 3 : แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม 50.6%
    ในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน (กรอ.พลังงาน)
  • อันดับที่ 4 : เปิดให้เอกชนขายไฟฟ้าส่วนที่เกินจากการใช้ งานผ่านระบบส่ง/จำหน่าย 49.6%
    ของการไฟฟ้าฯ และมีระบบหักลบหน่วยใช้ไฟฟ้าที่ขายคืนการไฟฟ้าฯ เข้าระบบ (Net Metering)

2. รัฐบาลใหม่ควรเร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนวัตถุดิบแพงและการสร้าง Supply Chain Security ในเรื่องใด (Multiple choices)

  • อันดับที่ 1 : ทบทวนปรับลดโครงสร้างอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบ 65.3%
    ที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ
  • อันดับที่ 2 : ลดขั้นตอนและค่าธรรมเนียมด้านศุลกากร และส่งเสริมการใช้งานแพลตฟอร์ม 58.3%
    การค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย เช่น National Digital Trade Platform (NTDP)
  • อันดับที่ 3 : จัดทำแผนพัฒนาและรองรับปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน 54.6%
    (Supply Chain Disruption) โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นของประเทศ
  • อันดับที่ 4 : เร่งให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 49.6%
    หรือสินค้าที่สามารถหมุนเวียนเอาทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามหลัก Circular Economy

3. รัฐบาลใหม่ควรเร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนทางการเงินในภาคธุรกิจอย่างไร (Multiple choices)

  • อันดับที่ 1 : ออกมาตรการช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตให้แก่ SMEs 60.0%
    ที่อยู่ในระบบภาษี เช่น ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น
  • อันดับที่ 2 : ปรับปรุงเงื่อนไขการขอรับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนสำหรับ SMEs 59.5%
    ให้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ
  • อันดับที่ 3 : ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน 58.3%
  • อันดับที่ 4 : ให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยสินเชื่อ Supply Chain Finance ดอกเบี้ยต่ำ 55.0%
    เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจให้กับ SMEs

4. รัฐบาลใหม่ควรแก้ไขปัญหาแรงงานอย่างไร (Multiple choices)

  • อันดับที่ 1 : สนับสนุนระบบการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) 65.8%
    และรัฐปรับปรุงระบบสวัสดิการแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับแรงงาน
  • อันดับที่ 2 : จัดสรรงบประมาณในการ Up-skill/Re-skill/Multi-skill/Future-skill บุคลากร 65.1%
    ให้เหมาะสมกับธุรกิจยุคใหม่
  • อันดับที่ 3 : กำหนดให้การเพิ่มผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ (Labour Productivity) 63.0%
    เพื่อให้เกิดการบูรณาการการพัฒนาบุคลากรจากทุกภาคส่วน
  • อันดับที่ 4 : พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big data เพื่อวางแผนพัฒนากำลังคนทั้งด้านอุปสงค์ 48.5%
    และอุปทาน

5. รัฐบาลใหม่ควรแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร (Multiple choices)

  • อันดับที่ 1 : ปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ 74.7%
    และที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย
  • อันดับที่ 2 : ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ 62.1%
    เพื่อแก้ปัญหาการฮั้วประมูล
  • อันดับที่ 3 : ปรับรูปแบบจากระบบการขออนุมัติอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ 58.3%
    มาเป็นการรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายและตรวจติดตามผล
  • อันดับที่ 4 : เร่งรัดหน่วยงานภาครัฐในการปรับปรุงวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องตาม 55.5%
    พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565