ผู้ถือหุ้นบางจาก 99% ไฟเขียวดีลซื้อเอสโซ่-ออกหุ้นกู้ 8 หมื่นล้าน

ผู้ถือหุ้นบางจาก 99% ไฟเขียวดีลซื้อเอสโซ่

ผู้ถือหุ้นบางจาก 99% ไฟเขียวดีลซื้อเอสโซ่-ออกหุ้นกู้ 8 หมื่นล้าน รอบอร์ดแข่งขันเคาะภายใน ก.ค. 66 มั่นใจแจงครบไม่มีอำนาจเหนือตลาด-แข่งขันเป็นธรรม ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์คาดได้ข้อสรุปปลายปี พร้อมเดินหน้าปรับโฉมปั๊มใหม่ Q2 เปิดรับคู่สัญญานอนออยล์เอสโซ่ แง้มแผนขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นหลังดีมานด์ล้น

วันที่ 11 เมษายน 2566 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท บางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 วันที่ 11 เมษายน 2566 ที่ประชุมมีมติ 99% พิจารณาอนุมัติกการเข้าซื้อหุ้นสามัญและการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ที่เหลือทั้งหมดในบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรายการที่ได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท โดยในส่วนที่ไม่เห็นด้วย มีเพียง 1,000 คะแนน และมีส่วนที่ไม่ออกเสียงบางส่วน

“คิดว่าทุกคนดีใจ ที่บางจากซื้อเอสโซ่มาอยู่ในปั๊ม และต้องบอกว่าปีที่ผ่านมาโรงกลั่นบางจากได้รางวัล TQA ในการบริหารจัดการโรงกลั่น บางคนอาจจคิดว่าโรงกลั่นเราเก่า โบราณ อยู่ในเมือง จะไม่ได้ TQA แต่ค่าบริหารจัดการเราทำได้ดีที่สุด ต้นทุนการกลั่นไม่สูง จัดอยู่ไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2 ของโรงกลั่นทั้งหมด บางส่วนงานเริ่มปี 2009 เรียกว่ายังไม่พ้นวัยรุ่นเลย

ขณะที่โรงกลั่นอื่นบางโรงเข้าเป็นวัยหนุ่มฉกรรจ์แล้ว การได้รางวัล TQA สะท้อนว่าเป็นโรงกลั่นที่ดี สะท้อนความปลอดภัย และสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ มีการจ่ายปันผลและผลตอบแทนตลอด และวันนี้มีโอกาสขยับขายได้โรงกลั่นนเอสโซ่มาเท่ากับขยาย และกระจายความเชี่ยวชาญการผลิตที่ถนัดคนละชนิด เรามีจุดแข็งในการผลิตดีเซลได้เยอะ เอสโซ่ผลิตอย่างอื่นได้ และเอสโซ่สามารถเข้าท่าเรือน้ำลึกได้ ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่า 2 โรงกลั่นเราจะอยู่คู่กับคนไทยไปเรื่อย เพราะแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันจะสูงสุดปี 2035 หรือในอีก 15 ปีข้างหน้า”

สำหรับกระบวนการหลังนี้ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการผ่านทุกเงื่อนไข และเข้าซื้อได้สำเร็จในปลายปีนี้ โดยตอนนี้ดำเนินการมา 2 ใน 3 เงื่อนไขแล้ว เหลือเพียงกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมกาแข่งขันทางการค้า (กขค.)

ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 105 วัน ซึ่งเป็นไปตามเวลาของกฎหมาย หลังจากนั้นไตรมาส 3-4 จะเข้าซื้อขายและทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นรายย่อย ขณะเดียวกันก็จะทยอยเปลี่ยนโฉมปั๊มนับจากไตรมาส 2 เช่น ทยอยเปลี่ยนโลโก้ คาดว่า ภายใน 3-6 เดือนจะคอนเวิร์ดได้ 80% คาดว่าจะใช้งบประมาณส่วนนี้เพียงหลักร้อยล้านบาท

ตอบชัดแผนบริหารจัดการโรงกลั่น-ค้าปลีก

ส่วนการบริหารจัดการโรงกลั่นน้ำมัน กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกัน โดยปัจจุบันโรงกลั่นบางจากใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% แล้ว แต่หากได้ข้อสรุปเรื่องการเข้าซื้อจะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงกลั่นเอสโซ่ได้ ตอนนี้ผลิตได้ 123 เคบีดี แต่ยังไม่เพียงพอ กับความต้องการขายเข้าปั๊มน้ำมัน ที่ 143 เคบีดี จึงต้องมีการนำเข้าน้ำมันบางส่วน หากได้โรงกลั่นเอสโซ่มาจะช่วยให้ บริหารจัดการได้ดีขึ้น นอกจากสินทรัพย์ในส่วนของปั๊มและโรงกลั่นแล้ว ดีลนี้จะทำให้ บางจากมีโอกาสเข้าไปใช้ท่อส่งน้ำมัน จากปกติที่มีท่อน้ำมันจากบางปะอิน-ลำปาง แต่ไม่สามารถใช้แทปไลน์ได้ แต่ต่อไปจะใช้ได้ จากสระบุรี-ลำลูกกาได้

ส่วนการบริหารจัดการค้าปลีกน้ำมัน หลังควบรวมจะทำให้บางจากมีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นจากเดิม มี 1,340 เพิ่มปั๊มเอสโซ่ 700 ปั๊ม รวมแล้วประมาณ 2,100 ปั๊ม คิดเป็นสัดส่วนแบ่งตลาดหลังรวม 7.7% จากก่อนรวม 5.4% ยังไม่ถึง 10% หากเทียบกันแล้ว ผู้ประกอบการเบอร์ 1-3 มีจำนวนปั๊มใกล้กัน ประมาณรายละ 2,100 แห่ง ส่วนยอดขายโดยรวมทุกช่องทางคิดเป็น 10.5% ซึ่งเราก็แจง กขค.ไปแล้ว ว่า

ส่วนแบ่งตลาดไม่ได้เยอะ ผู้เล่นมากราย ผู้ประกอบการมากกว่า 5 ราย มีการแข่งขันด้วยธรรมชาติของมัน โรงกลั่นก็แข่งขันด้วยธรรมชาติ เราแข่งขันกับโรงกล้่นสิงคโปร์และจีน ถ้าเมื่อไรเราขายแพง ผู้ใช้ก็จะนำเข้า หรือราคาถูกมากก็ส่งออกไปขายต่างประเทศ ธุรกิจน้ำมันก็เหมือนสายบิน แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 3 แสน ก็ตาม

“แผนการกลั่น ผมตั้งใจจะเพิ่ม กำลังผลิตโรงกลั่น ปลายปีที่ซื้อมาแล้วค่อยว่ากัน ต้องรอซื้อเค้าก่อนว่าทำอะไรได้อย่างไร เอสโซ่ Utilazation rate ต่ำกว่า ก็ยังมีโอกาสเพิ่มได้ ส่วนการปรับการผลิตของโรงกลั่นเดิมก็ต้องไปออฟติไมกัน โรงกลั่นจะโอเปอเรตต่อ เพื่อตอบสนองการใช้น้ำมันในประเทศ กำลังผลิตไฮโดรเจนเหลือจะมาตั้งอากาศยานยั่งยืน ก็โอเปอเรตคู่กันไป”

ส่วนคู่สัญญาเอสโซ่ ทั้งนี้ ปัจจุบันกิจการน็อนออยล์ในปั๊มเอสโซ่ ส่วนใหญ่ 240 ปั๊มเป็นของบริษัท (COCO) ที่เหลือเป็นดีลเลอร์ ซึ่งหลังจากดีลแล้วทุกคนก็แปลมาเป็นคู่สัญญาของบริษัท และใช้น้ำมันของบางจากทั้งหมด

เงินพร้อม

สำหรับราคาหุ้นสุดท้ายที่จะเข้าซื้อ ยังต้อรอการปิดงบการเงินซึ่งตามกระบวนการคาดว่าจะใช้ราคาตามงบฯไตรมาส 2 ปีนี้ เพราะ กขค.น่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2566

อย่างไรก็ตามคาดว่า ราคาหุ้นจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 บาท เงินลงทุนก็คงประมาณ 20,000-22,000 ล้านบาทโดยประมาณ ส่วนที่เหลือทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์เท่าไรก็ต้องมาดู หลังจากนี้ทางเราและเอสโซ่จะมาเข้าสูตรคำนวณราคา คาดว่าชำระเงินกัน ไม่ใช่ ส.ค.-ก.ย.-ต.ค. คาดว่าสิ้นปีจบทั้งหมด

ส่วนแหล่งเงินทุนจากประมาณการณ์ดีล 55,000 ล้านบาท ไม่มีปัญหา เพราะมีสภาพคล่องดี ปลายปีมีเงินสด (แคชโฟลว์) 45,000 บาท และมีอีก 20,000 ล้านบาท ทางบางจากเตรียมงบฯไว้แล้ว

โดยมีกระแสเงินสดในปีที่ผ่านมาจำนวนมาก และในการประชุมครั้งนี้ผู้ถือหุ้น 99% มีมติเห็นชอบให้ออกหุ้นกู้ 80,000 ล้านบาทด้วย คาดว่าจะดึงมาใช้เพียง 5,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนภาพรวมการลงทุนยังเป็นไปตามแผนเดิมที่เคยแถลงไว้

“ผมว่าทุกบริษัทโตขึ้น จากเดิมอิบด้า เพิ่มต้องขอ 2 แสนแต่เราขอ 8 หมื่น ขอได้เรื่อย ๆ มีเอาต์สแตนดิ้งเกิน 8 หมื่นล้านไม่ได้ ตอบโจทย์เครดิตเรตติ้งและผู้ถือหุ้นด้วย ส่วนประเด็นเรื่องหุ้นกู้ถ้าเป็นไปตามแผน ปีนี้ หุ้นกู้ 8 หมื่น จะใช้แค่ 5 พันล้านอย่างมาก แม้ว่าจะกู้เยอะแต่ไม่ได้รับผลกระทบจากเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะเราฟิกดอกเบี้ย 80% มีแค่ 20% เท่านั้นที่ไม่ได้ฟิกซ์”

พอร์ตบางจากเปลี่ยน

ธุรกิจบางจากมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งต้นน้ำก็ขยายตัวดี และล่าสุดโอเกียเพิ่งเข้าซื้อแหล่งผลิตน้ำมันจากอิควินอร์ หรือ (ปตท.) ขายมา 20 กว่า% เราประมูลไปเป็นอันดับ 3 สุดท้ายก็ขายให้โอเกีย ไม่ประมูลแพงแต่ก็ได้มา เงินลงทุน 220 ล้านเหรียญ

“เราซื้อ 55,000 ล้านบาท ถ้าธุรกิจมี EBITDA 15,000 ล้านบาท อีก 5 ปี เราก็คืนทุน ถ้า EBITDA มากกว่านั้น ระยะคืนทุนสั้นกว่า 5 ปี เทียบกับการไปสร้างโรงกลั่นไม่มีทางคืนทุนได้ 5 ปี การตัดสินใจของกรรมการมีความโปร่งใส ผมเป็นบอร์ดในบริษัทหลาย ๆ แห่งในต่างประเทศ เรามีหลัก Asset good governance คือ บอร์ดต้องถือหุ้นบริษัทด้วย เพื่อที่จะได้รู้ร้อนรู้หนาว ถ้าหุ้นไม่เพอร์ฟอร์มก็ต้องเจ็บตัวด้วย”

ตรึงราคารับสงกรานต์

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีกระบวนการซื้อขาย ทางบางจากยังมีแผนจะลอนซ์ผลิตภัณฑ์น้ำมันโซฮอล์ 97 ซึ่งมีออกเทนสูงสุด และได้มาตรฐานยูโร 5 เพื่อตอบโจทย์พรีเมี่ยมโซฮอล์ โดยเฉพาะผู้ใช้รถซูเปอร์คาร์ด้วย และในช่วงสงกรานต์นี้ บางจากมีนโยบายไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน และหากราคาตลาดโลกปรับลดลงก็จะมีการปรับลดราคา เพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภคสามารถเดินทางท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์