กรมการค้าภายในลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก พาผู้ประกอบการรับซื้อมะม่วงจากเกษตรกร อัปราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 20 บาท ซื้อแล้วกว่า 16,000 ตัน
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงแปลงใหญ่บ้านลำภาศ ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงตำบลวังทับไทร อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 ว่า
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
กรมได้พาผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรตั้งแต่ต้นฤดูการผลิต จนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูการผลิตแล้ว ซึ่งในภาพรวมผลผลิตของจังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก จะหมดฤดูกาลประมาณวันที่ 5 พ.ค. 2566 นี้
ทั้งนี้ หลังจากการลงพื้นที่ พบว่า ปีนี้กลุ่มเกษตรกรมีการวางแผนการผลิตที่ดี ทำให้มีมะม่วงเกรดคุณภาพเพียงพอสำหรับการจำหน่ายจนสิ้นสุดฤดูกาล ส่งผลให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายมะม่วงได้ในราคาสูง
โดยเกรดส่งออก ณ วันที่ 3 พ.ค. 2566 อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 35 บาท เกรดคละ ราคา กก.ละ 18-20 บาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับในช่วงปลายฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา ราคาผลผลิตช่วงปลายฤดู มะม่วงน้ำดอกไม้อยู่ที่ กก.ละ 13-15 บาทเท่านั้น และในส่วนของมะม่วงฟ้าลั่น ผลผลิตใน 2 จังหวัด สิ้นสุดฤดูกาลแล้ว โดยราคาปีนี้อยู่ที่ 9-10 บาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ ราคา 5-6 บาท เพิ่มขึ้น 64%
“ต้องขอขอบคุณพี่น้องเกษตรกรที่ช่วยดูแลรักษาคุณภาพผลผลิตได้ดีตั้งแต่ต้นจนถึงปลายฤดูกาล ทำให้มีผลผลิตมะม่วงเกรดคุณภาพ ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง โดยในช่วงต้นฤดูเกษตรกรสามารถขายได้ กก.ละ 40 บาท จนเริ่มต้นฤดู กก.ละ 30 บาท และปัจจุบันปลายฤดู ยังคงรักษาระดับราคาได้อยู่ที่ กก.ละ 20 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีกว่าปีก่อนมาก”
ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง นายบุญส่ง สีสะท้าน เกษตรกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ให้ข้อมูลว่า ราคามะม่วงปีนี้ ดีกว่าที่ผ่านมามาก ปัจจุบันความต้องการยังมีมาก ทำให้ราคาขายได้ดี กก.ละ 18-20 บาท ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีช่องทางการตลาด ก็ได้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เข้ามาช่วยเหลือ
โดยนำผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อถึงที่ และสามารถขายผลผลิตได้ราคาดี โดยกลุ่มเกษตรกรที่กรมการค้าภายในพาผู้ประกอบการมารับซื้อ มีจำนวน 10 กลุ่ม ใน 2 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ พิจิตร (อ.เมือง อ.สากเหล็ก อ.ดงเจริญ อ.วังทรายพูน) และพิษณุโลก (อ.เมือง อ.วังทอง อ.เนินมะปราง) โดยผลการรับซื้อล่าสุดรวมแล้วประมาณ 16,000 ตัน และนำไปไปกระจายผ่านจุด Fruit Festival 2023 ทั้งในห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างท้องถิ่น และช่องทางต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ส่วนกรณีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านหนองปรือ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่มีการร้องเรียนว่าราคามะม่วงตกต่ำ ไม่มีตลาดปลายทาง พบว่าปัจจุบันมีคนเข้าไปรับซื้อเป็นจำนวนมาก การรับซื้อผลผลิตตกเกรด อยู่ที่ กก.ละ 10 บาท โดยผลผลิตของกลุ่มเหลือประมาณไม่ถึง 50 ตัน สำหรับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดคละ มีผู้ประกอบการติดต่อรับซื้อราคาอยู่ที่ กก.ละ 18 บาท
“มะม่วงที่เป็นข่าว เป็นมะม่วงพันธ์โชคอนันต์ ซึ่งผลผลิตสิ้นสุดฤดูกาลแล้ว ไม่มีผลผลิตที่ทานได้แล้ว เป็นมะม่วงหล่น ที่รอจำหน่ายเพื่อนำไปกวนเป็นมะม่วงกวนเท่านั้น ซึ่งปกติจะมีผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อทำมะม่วงกวน ไม่ใช่มะม่วงสด หรือมะม่วงน้ำดอกไม้แต่อย่างใด โดยกรมได้ประสานผู้ประกอบการเข้าไปช่วยรับซื้อสินค้าจากกลุ่มนี้ ในราคา 18 บาท ซึ่งกลุ่มยังไม่มีผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการแต่อย่างใด โดยผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะรับซื้อในราคา 18 บาท หากกลุ่มสามารถรวบรวมผลผลิตได้”
นางอุบลรัตน์ ศิลตระกูล พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มะม่วงราคา 1-2 บาท/กก.นั้น ไม่มีอยู่จริง เป็นราคาของมะม่วงที่ไม่มีคุณภาพ โดยปัจจุบันราคาขายมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดคละ ราคาอยู่ที่ 18-20 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 13-15 บาท/กก. ตกเกรด ราคาอยู่ที่ 8-10 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 3-5 บาท/กก. และมะม่วงฟ้าลั่น ราคาอยู่ที่ 8-9 บาท/กก. ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 5-6 บาท/กก.
ซึ่งราคามะม่วงอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้เข้าสู่ปลายสุดของฤดูผลผลิตมะม่วงแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มะม่วงจะสุกจัดและร่วงเป็นปกติ กรณีมะม่วงหล่น ก็จะมีผู้ประกอบการรับซื้อนำผลผลิตเกรดนี้ไปทำเป็นสินค้ามะม่วงกวน