สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยพบ พิธา 13 มิ.ย. หวั่นขึ้นค่าแรงกระทบ จ้างงาน 12 ล้านคน

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช

ถึงคิว สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย พบ “พิธา” 13 มิ.ย.66 เร่งระดมประเด็นร้อนเศรษฐกิจขึ้นโต๊ะหารือ หวั่นขึ้นค่าแรง 450 บาท/วันสะเทือนจ้างงาน 12 ล้านคน แนะใช้กลไกไตรภาคี

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า ขณะนี้คณะกรรมการ 12 ชุด กำลังเตรียมจัดทำรายละเอียดประเด็นสำหรับการหารือร่วมกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมีกำหนดจะพบกันวันที่ 13 มิถุนายน 2566 นี้

ด้านนายนรเทพ บุญเก็บ เลขาธิการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงจุดยืนเรื่องการปรับค่าแรงงาน 450 บาท ของสมาพันธ์ ว่า ปัญหาการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาท/วัน จะกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยแน่นอน โดยปัจจุบันเอสเอ็มอีมีการจ้างงานมากกว่า 12 ล้านคน

“มีความกังวล เพราะต้นทุนหลาย ๆ ส่วนมีอัตราสูงขึ้น เช่น ค่าไฟ ค่าครองชีพสูงขึ้น ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสขึ้นค่าแรงช่วงนี้จะกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเราคัดค้าน แต่เราอยากเห็นตัวเลขที่เหมาะสมซึ่งเกิดจากการเจรจาหารือกัน โดยผ่านกระบวนการไตรภาคี เป็นประเด็นสำคัญที่ควรนำมาพิจารณา โดยจะต้องคำนึง ถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น”

อย่างไรก็ตาม อยากให้มองว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ระหว่างการฟื้นตัว เพราะเพิ่งผ่านพ้นสภาวะการณ์โควิด ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ช่วงระยะเวลานี้คือช่วงกำลังลืมตาอ้าปากเอสเอ็มอี ตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น สถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะไปได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ได้รัฐบาลใหม่มีความเชื่อมั่น ท่องเที่ยงเริ่มเข้ามา ดังนั้น ตัวเลขการปรับค่าแรงที่เหมาะสมควรต้องหารือกันก่อน

นอกจากนี้เรายังอยากให้พิจารณว่าค่าแรงที่สูงขึ้นยังไม่สำคัญเท่ากับฝีมือแรงงานที่พัฒนาขึ้น หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ก็จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งจะทำให้ได้ฝีมือแรงงานมาช่วยในการพัฒนาธุรกิจ