ยอดลงทุนเวียดนามพุ่ง 65% เปลี่ยน ปธน.ใหม่-ไฟดับยังไม่สะเทือน FDI

หุ้นเวียดนาม

ส่องอนาคตลงทุนในเวียดนาม หลังเปลี่ยนมือรัฐบาลใหม่ โรงงานมีเหตุไฟดับสัปดาห์ละ 3 วัน เอกชนไทยยังมั่นใจเดินหน้าลงทุนต่อ เชื่อรัฐบาลบริหารจัดการได้ ล่าสุด 4 เดือนแรก ทุนนอกแห่เข้าลงทุนใหม่ในเวียดนาม 750 โครงการ มูลค่า 4 พันล้าน เพิ่มขึ้น 65% “สิงคโปร์-จีน-ฮ่องกง” แชมป์

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในเวียดนามภายหลังจากนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม ลาออกจากตำแหน่งแล้วอย่างกะทันหันเมื่อเดือนมกราคม 2566 กระทั่ง นายโว วัน เถือง สมาชิกประจำสำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเวียดนาม เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ด้วยวัย 52 ปี เป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีวาระปี 2564-2569

ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ได้เดินหน้านโยบายเศรษฐกิจหลายด้าน และมีการประกาศแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับที่ 8 วางเป้าหมายในปี 2573 จะใช้งบประมาณ 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า 150,000 เมกะวัตต์ สร้างความมั่นคงทางพลังงาน รักษาอัตราการขยายตัวของจีดีพี 7% ต่อปี ไปจนถึงปี 2573 และเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม และประธานกิตติมศักดิ์สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เปิดเผยว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีผลต่อการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ตลอดจนการตัดสินใจของราชการท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ ที่จะอนุมัติพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ต้องชะลอ

ซึ่งอาจจะมีผลทำให้บางโครงการที่ต่างชาติเข้าไปลงทุนชะลอตัวไปบ้าง เนื่องจากรอฟังความชัดเจน การอนุมัติลงนามเซ็นสัญญา เช่นเดียวกับการเดินหน้าขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนที่ขยายเข้าไปลงทุนก็อาจจะชะลอในช่วงรอยต่อบ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงส่งที่เอกชนไทยพร้อมจะเข้าไปลงทุน และล่าสุดตนเดินทางไปเวียดนาม ยังเห็นว่าผู้ประกอบการจีนก็เข้าไปลงทุนจำนวนมาก หลังเกิดปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์

“ผู้ประกอบการไทยก็ยังพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อ แม้ว่าที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุไฟดับ แต่เวียดนามก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน เนื่องจากประชากรจำนวนมากถึง 100 ล้านคน ส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 30 ปี เป็นวัยทำงาน อีกทั้งยังมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หลายฉบับที่ไปได้ด้วยดี ดังนั้น จากนี้รัฐบาลเวียดนามสามารถบริหารจัดการด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจได้”

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

นายสนั่นกล่าวว่า ในส่วนของโรงงานศรีไทยฯที่เวียดนามก็เกิดปัญหาไฟฟ้าดับ โดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าเช่นกัน ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับการผลิตสินค้า

“เท่าที่ทราบ ไฟฟ้าดับบางครั้ง 1 สัปดาห์มีปัญหาไฟดับ 1-2 วัน และครั้งละหลายชั่วโมง แต่ความเสียหายจะแตกต่างกัน ขึ้นกับชนิดสินค้า สินค้าใดที่เป็นสินค้าที่หยุดผลิตไม่ได้ ก็จะกระทบ เช่น อาหาร ส่วนผลิตภัณฑ์ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ไม่ได้กระทบมาก”

ทั้งนี้ บริษัทศรีไทยฯได้ลงทุนขยายฐานการผลิตในโรงงาน ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม 3 แห่ง และโรงงานที่ฮานอย 1 โรงงาน เพื่อใช้สิทธิประโยชน์จากที่เวียดนามบรรลุการเจรจาความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างอียู-เวียดนาม (EVFTA) และความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ในการลดภาษีนำเข้า 0% ก่อนหน้านี้

 

ทุนพลังงานจ่อบุก

ก่อนหน้านี้นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-การลงทุนนวัตกรรม และความยั่งยืน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะเห็นความร่วมมือระหว่าง บี.กริม และพันธมิตรท้องถิ่นเวียดนาม ในการลงทุนโรงไฟฟ้าแก๊ส ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพื้นฐาน

ตลอดจนโครงการพลังงานทดแทนที่ค้างท่อมาจากรอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับที่ 7 ซึ่งเป็นฉบับก่อนหน้าที่โครงการค้างท่อ และได้ยกมาอยู่ในแผนพีดีพีฉบับที่ 8 ซึ่งเป็นฉบับใหม่ที่เวียดนามเพิ่งจัดทำขึ้นมารวม 2-3 โครงการ

ซึ่งผลจากการประกาศแผนพีดีพีใหม่ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นว่า เวียดนามมุ่งผลิตพลังงานไปในทิศทางใด อีกทั้งปัจจัยจากเศรษฐกิจเวียดนามโต 7% มาตลอดในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาโรงไฟฟ้าไม่สอดคล้องกับการเติบโต เพราะเน้นผลิตไฟฟ้าโซลาร์และวินด์

ซึ่งยังไม่เสถียร แต่แผนพีดีพีนี้ทำให้โอกาสในการพิจารณาการลงทุนมีความชัดเจนมากขึ้น ในอีก 20-30 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 150,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันการใช้พลังงานอยู่ที่ 40,000 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้มีรอบโควตาที่ต้องเร่งให้เร็ว คือโรงไฟฟ้าแก๊ส ส่วนพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการเร่งคือ ลม ”\

 

FDI ใหม่ไหลเข้าเวียดนาม

ล่าสุดรายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ภาพรวมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งหมด 8,880 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 17.9% แต่ปรากฏว่าในจำนวนนี้โครงการใหม่ 750 โครงการ มีมูลค่า 4,110 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 65.2%

ซึ่งมาจากประเทศสิงคโปร์ จีน และฮ่องกง และโครงการที่นักลงทุนซื้อหุ้นจากบริษัทในเวียดนาม 1,044 โครงการ มูลค่า 3,110 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 70.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565

ส่วนโครงการเดิมที่เพิ่มทุน มี 386 โครงการ มูลค่า 1,660 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 68.6%

สำหรับจังหวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ โฮจิมินห์ ฮานอย และบัคนิญ (Bac Ninh)