เปิดผลสำรวจหอการค้าไทย-จีน ชี้ 3 นโยบายศก.เร่งด่วนรัฐบาลใหม่ต้องแก้ 

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 4/2566 ผลักดัน 3 นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ “การแก้ไขปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือน การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับลดต้นทุนพลังงาน” เชื่อมั่นว่าฟรีวีซ่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน และรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลง เป้าหมาย 5 ล้านคน

วันที่ 15 กันยายน 2566 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทยจีนสำรวจความเห็นคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร และกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวน 265 คน ระหว่างวันที่ 15-25 สิงหาคม 2566 เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2566

โดยการสำรวจครั้งนี้ ได้มีการสอบถามถึงนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่ควรต้องทำอย่างเร่งด่วน และพบว่า 3 นโยบายแรกที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องการเงิน การแก้ไขปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือน การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับลดต้นทุนพลังงาน

ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่มีความสำคัญรองลงมาคือ การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเร่งกระตุ้นการส่งออก ส่วนการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น 72.8% คิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีกก่อนสิ้นปี 2566

ทั้งนี้ จากการสำรวจของหอการค้าไทยจีนพบว่า 59.2% มีความมั่นใจพอควร ที่คิดว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 2566

ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ที่มีอัตราการเจริญเติบโต 6.3% น้อยกว่าที่ภาคธุรกิจคาดการณ์ไว้ที่ 7.3% เพราะมีปัจจัยภายในประเทศที่รอการฟื้นตัว อาทิ ปัญหาทางด้านราคาของอสังหาริมทรัพย์ ภัยพิบัติจากน้ำท่วม และการชะลอตัวของการส่งออก

ADVERTISMENT

ผลจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมา กระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทย ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยจำนวน 1.8 ล้านคน แต่มีข้อสังเกตว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยในปีนี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีค่าใช้จ่ายต่อคนค่อนข้างสูง จากการสำรวจพบว่า

63% มีความเชื่อว่ารายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลงและอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวคุณภาพดังกล่าว

ADVERTISMENT

“มีความท้าทายกว่าจะถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนของปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าฟรีวีซ่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน และรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลง”

ความเห็นต่อเศรษฐกิจไทย

ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น 69.4% เห็นด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น และการส่งออกที่ค่อย ๆ จะปรับตัวดีขึ้นในปลายปี ในขณะที่ 19.6% มีความมั่นใจมากต่อแนวโน้มดังกล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงสินค้าที่จะส่งออกได้ดีประกอบไปด้วยสินค้า 4 รายการคือ สินค้าเกษตรพื้นฐาน สินค้าเกษตรแปรรูป ประเภทอาหาร อาหารทะเล และเครื่องดื่ม สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วน ตามลำดับ

ทุนจีนใช้ RCEP

หากจะพิจารณาการใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP ต่อการค้ากับจีนแล้ว ผู้ที่ตอบแบบสำรวจที่มีการค้ากับจีน (208 ราย จากที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 265 ราย) พบว่า 12.5% ใช้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ส่วน 35.1% ใช้ประโยชน์พอควร และ 16.6% ใช้ประโยชน์น้อย ตามลำดับ ขณะที่ 31.25% ไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยจากข้อตกลง RCEP การค้าระหว่างไทยกับจีนสามารถมีความสัมพันธ์ได้มากขึ้นอีกผ่านการกระตุ้นให้ใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP

 ความเชื่อมั่น ศก. ไตรมาส 4/2566

ส่วนผลการสำรวจการคาดการณ์ในไตรมาสที่สี่โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสสามของปีนี้ สมาชิกหอการค้าไทย-จีนและสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน 40.4% ลงความเห็นว่าเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนโดยรวมของจีนจะยังทรงตัว ขณะที่ 30.6% คิดว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะปรับตัวดีขึ้น

ส่วนกลุ่มตัวอย่าง 41.5% คิดว่าการส่งออกไทยไปจีนยังคงทรงตัว กล่าวได้ว่าสถานการณ์ของจีนไม่น่าจะแย่ลง และมีโอกาสที่จะฟื้นก่อนสิ้นปี ส่วนการนำเข้าของไทยจากจีนนั้น 46.8% คาดว่าการนำเข้าของไทยจากจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ 45.7% คาดว่าจะมีการลงทุนจากจีนในประเทศไทยเพิ่ม คาดว่านโยบายจีนจะมีการรุกตลาดพันธมิตรมากขึ้น เพื่อแก้ไขภาวะการส่งออกที่ชะลอตัว และมีการกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ๆ

ในการสำรวจความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีนี้พบว่า 41.5% ของผู้ตอบการสำรวจมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และ 43% คิดว่าเศรษฐกิจไทยยังทรงเช่นเดิม จากแนวโน้มเศรษฐกิจดังกล่าว 38.1% คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯจะปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ 39.6% คิดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสที่ 3

เมื่อได้สอบถามเรื่องความคิดเห็นกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น พบว่าผู้ตอบการสำรวจ 43.4% คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ช่วงประมาณ 34.6-35.2 บาทต่อเหรียญสหรัฐอเมริกา ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ภาพรวมการค้าไทย-จีน 8 เดือน

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวเสริมว่า จากรายงานของศุลกากรจีน พบว่าการค้าระหว่างประเทศของจีนกับไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2566) มีมูลค่าการค้ารวม 84,425 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6.7% (-6.7%)

โดยแบ่งเป็นการส่งออกมายังประเทศไทยมูลค่า 50,078 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 2.3% (-2.3%) และจีนนำเข้าสินค้าจากไทยมูลค่า 34,346 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 12.5% (-12.5%) ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของจีนในเดือนสิงหาคม ที่มีมูลค่าการค้ารวมลดลง 8.2% (-8.2%) การส่งออกลดลง 8.8% (-8.8%) และการนำเข้าลดลง 7.3% (-7.3%) และการที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์