หอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 2 ปี’66 มั่นใจจีนเข้าไทย 8 ล้านคน

นักท่องเที่ยวจีน

“ณรงค์ศักดิ์” เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 2/2566 พบว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจีน 7-8 ล้านคนจะมาเยือนไทยในปีนี้ เร่งให้ปรับปรุงบริการการเข้าเมือง สนามบิน เพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น

วันที่ 1 มีนาคม 2566 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จากคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร และกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีนจำนวนประมาณ 300 คน ระหว่างวันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2566

เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของปี 2566 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ผู้ตอบการสำรวจ 49.3% และ 41.8% คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาเยือนไทยระหว่าง 7-8 ล้านคน และมากกว่า 8 ล้านคนตามลำดับ ซึ่งเกินเป้ากว่าที่ทางการคาดไว้

นอกจากนี้ ยังพบว่าไทยจะต้องมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในหลายด้าน เพื่อรองรับและดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยมีประเด็นหลักที่ต้องเร่งแก้ไข 5 ประการคือ การปรับปรุงการให้บริการการเข้าเมืองและอำนวยความสะดวกที่สนามบิน และการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทยและจีน การจัดทำมาตรการทางด้านความสะอาดและความปลอดภัยในการเดินทางในประเทศ การจัดเตรียมความพร้อมของโรงแรมและระบบการขนส่งให้คล่องตัวมากขึ้น และการจัดให้มีศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เช่น สามารถสื่อสารและให้ข้อมูลเป็นภาษาจีนได้

โอกาสที่นักธุรกิจจากหอการค้าไทยจีนจะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีน พบว่า 23.2% จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจภายในเดือนมีนาคม 30.7% จะเดินทางไปในไตรมาสที่สอง และ 11.1% จะเดินทางไปครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยส่วนใหญ่ 67% ได้วางแผนที่จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีนเป็นที่เรียบร้อยในปีนี้

ความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นก่อนสิ้นปี 2566 เกือบทุกคน 91.8% มีความมั่นใจในการฟื้นตัวในปีนี้ โดยพบว่า 34.6% มีความมั่นใจมาก 8.6% มีความมั่นใจมากที่สุด ขณะที่ 48.6% มีความมั่นใจมากพอควร สำหรับแผนการลงทุนและจ้างงานในปี 2566 พบว่า 30% จะมีการลงทุนใหม่และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 39.3% จะมีการลงทุนใหม่แต่ยังไม่เพิ่มจำนวนการจ้างงาน และอีก 28.6% ยังประกอบกิจการเช่นเดิมและมีการจ้างงานจำนวนเดิม โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัว 3.3-3.5%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในการทำธุรกิจในปี 2566 พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มาจากในประเทศคือ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผลต่อค่าครองชีพ หนี้สินของครัวเรือนและหนี้เสียของสถาบันการเงินมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงานมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศคือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการชะลอตัวของการส่งออกเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

นักธุรกิจหอการค้าไทยจีนมีความเห็นว่า ในปี 2566 รัฐบาลควรมีมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อที่จะฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย จากการสำรวจพบว่ามี 4 มาตรการเรียงตามลำดับดังนี้

(1) มาตรการแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน และการดึงคนไทยให้กลับเข้ามาสู่ตลาดแรงงาน (2) มาตรการสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (3) มาตรการที่ควบคุมราคาสินค้าและบริการ เพื่อดูแลค่าครองชีพและรวมถึงการเพิ่มสวัสดิการที่ภาครัฐจัดให้ประชาชน และ (4) มาตรการใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า การคาดการณ์ในไตรมาสที่ 2 โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ 60.4% สมาชิกหอการค้าไทยจีนและสมาพันธ์หอการค้าไทยจีนเห็นว่าเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนโดยรวมของจีนดีขึ้น และ 62.1% มีความเห็นว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และ 63.6% คาดว่าจะมีการลงทุนจากจีนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาดี

ขณะเดียวกัน 65% คาดว่าไทยจะนำสินค้าจากจีนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนนั้นยังมีความแนบแน่นอย่างใกล้ชิด

ในการสำรวจความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ พบว่า 60% ของผู้ตอบการสำรวจ มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และ 29.3% คิดว่าเศรษฐกิจไทยยังทรง ๆ เช่นเดิม จากแนวโน้มเศรษฐกิจดังกล่าว ร้อยละ 49.3 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ 35.7% คิดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสแรกปีนี้ เมื่อได้สอบถามเรื่องความคิดเห็นกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น พบว่าผู้ตอบการสำรวจลงความเห็นที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถสรุปผลได้ว่าการคาดคะเนอัตราแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด