Road Show แลนด์บริดจ์ใน APEC

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน
บทบรรณาธิการ

นอกเหนือไปจาก “พิธีกรรม” ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคประจำปี 2023 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อหลัก “สร้างอนาคตที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นสำหรับทุกคน” แล้ว การเจรจาคู่ขนาน-ทวิภาคีระหว่างประเทศคู่ค้าไปจนกระทั่งการพบปะบริษัทชั้นนำของสหรัฐ นับเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศที่เข้าร่วมประชุมทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยก็เช่นกัน ทั้งตัวรัฐมนตรีและผู้นำประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน ต่างก็มีหมายกำหนดการบรรจุวาระในเรื่องของการพบปะภาคเอกชนและเยี่ยมชมกิจการเต็มเหยียด

เฉพาะหมายของ นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมงาน Networking Reception กับตัวแทนบริษัทสหรัฐถึง 80 คน โดยนายกรัฐมนตรีจะ speech เรื่องทิศทางและแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเพื่อดึงดูดการลงทุน มีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเข้าร่วมในการให้ข้อมูลด้วย หนึ่งในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะหารือกับตัวแทนบริษัทสหรัฐก็คือ การเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย กับอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์นั่นเอง

ความจริงโครงการแลนด์บริดจ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีแนวคิดในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ 4 จว. มาตั้งแต่ปี 2561 ผ่านการศึกษามาหลายครั้ง โดยรัฐบาลชุดนี้ได้หยิบจับเอาโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง มีสาระสำคัญอยู่ที่การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางน้ำในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อพัฒนาการเป็น “สะพาน” เศรษฐกิจรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก

               

สิ่งก่อสร้างที่สำคัญในโครงการก็คือ ท่าเรือน้ำลึกที่แหลมอ่าวนาง จ.ระนอง เชื่อมกับ ท่าเรือน้ำลึกที่แหลมริ่ว จ.ชุมพร ทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ ทางรถไฟ ท่อขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงการถมทะเลเพื่อพัฒนากิจการสนับสนุนท่าเรือด้วย คิดเป็นงบประมาณในการลงทุน 4 เฟส รวมกันถึง 1,001,204 ล้านบาท แน่นอนว่าจะต้องใช้รูปแบบการลงทุนเป็นการ “ร่วมทุน” ระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP ด้วยการให้สิทธิแก่ผู้ลงทุนในการก่อสร้างและบริหารจัดการเป็นระยะเวลา 50 ปี

ทว่าในภูมิภาคนี้ ประเทศสิงคโปร์ ยังคงครองความเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางเรือมาก่อน ดังนั้น โครงการแลนด์บริดจ์ จึงนับเป็นคู่แข่งโดยตรง การแย่งชิงจำนวนเรือที่จะเข้ามาใช้บริการนับเป็นเรื่องสำคัญ ควรที่รัฐบาลไทยจะต้อง “เปิดกว้าง” เร่งให้ข้อมูลผลการศึกษาที่ได้รับการยอมรับและจับต้องได้ให้กับนักลงทุน ควบคู่ไปกับการ Road Show เพื่อให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในโครงการระดับล้านล้านโครงการนี้