รู้จัก ‘ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา-ปลานิลสายน้ำไหลเบตง’ สินค้า GI ใหม่ยะลา

กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่ส่งเสริมสินค้า GI จังหวัดยะลา ยกระดับผลิตภัณฑ์ประมงน้ำจืด หนุนการท่องเที่ยว สร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ดัน “ป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ตัวใหม่ของจังหวัดยะลา

วันที่ 18 มกราคม 2567 นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า “ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่โปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกพันธุ์ปลานิลแก่กรมประมง ซึ่งขยายจากพันธุ์ปลาที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะจากประเทศญี่ปุ่นถวายเมื่อปี 2508

โดยกรมประมงได้ขยายพันธุ์และแจกจ่ายราษฎรไปเพาะเลี้ยง เพื่อความอยู่ดีกินดีของปวงชนชาวไทย สร้างรายได้จนเป็นสัตว์เศรษฐกิจจนถึงปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงส่งเสริมการอนุรักษ์ฟื้นฟูพันธุ์ปลาท้องถิ่นไทย เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนให้คนในท้องถิ่น

และในปี 2543 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาพลวงชมพู และน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงมีพระราชเสาวนีย์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเลี้ยงพันธุ์ปลาดังกล่าวเพื่อเป็นอาชีพสู่เกษตรกรในพื้นที่

กรมทรัพย์สินทางปัญญามีภารกิจสำคัญด้านการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อยกระดับสินค้าอัตลักษณ์ของชุมท้องถิ่นนำมาสู่การสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยในครั้งนี้ กรมลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อพบหารือเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยง “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” เพื่อผลักดันร่วมกับจังหวัดขึ้นทะเบียน GI นำมาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องชาวยะลา”

ลักษณะพิเศษ

“ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” เป็นปลาท้องถิ่นหายาก พบมากในลุ่มแม่น้ำปัตตานีและลุ่มแม่น้ำสายบุรี ของจังหวัดยะลา สามารถเลี้ยงด้วยระบบน้ำไหลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ลักษณะเด่นคือลำตัวมีสีชมพู ครีบหลังและครีบหางเป็นสีแดง เนื้อปลามีลักษณะเนื้อนุ่มขาวเหมือนสำลี รสชาติหวานอร่อย เกล็ดมีสารคลอลาเจน จึงนิยมทานทั้งเกล็ด มีราคาสูงถึง 2,000-3,000 บาทต่อกิโลกรัม

ด้าน “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” เพาะเลี้ยงมากในบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรีของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีลักษณะเด่นคือส่วนหัวเล็ก ริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน ลำตัวสีเทานวลจนถึงดำ เนื้อปลาแน่น สีขาวละมุน รสชาติหวาน ไม่มีกลิ่นโคลน เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลตลอดเวลาทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำสูงกว่าบ่อปลาทั่วไป ราคาขาย 90-100 บาทต่อกิโลกรัม

กรมตั้งเป้าผลักดันให้ “ปลาพลวงชมพูต้นน้ำป่าฮาลาบาลา” และ “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา โดยคาดว่าทั้งสองสินค้าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นตัวแปรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวจังหวัดยะลา สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป และสำหรับชุมชนใดที่สนใจจะขึ้นทะเบียน GI สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368