อัคราฯยืนกรานขออาชญาบัตรสำรวจแร่ขอถูกต้อง เปิด 1 ปี จ่ายภาคหลวงเกือบ 400 ล้าน

อัครายืนกรานขออาชญาบัตรสำรวจแร่ขอถูกต้อง

อัคราฯยืนยันดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลงทุนกว่า 3,250 ล้านบาท ยกเครื่องซ่อมบำรุงเครื่องจักร โรงประกอบโลหกรรม หลังกลับมาเปิดได้ 1 ปี จ่ายค่าภาคหลวงแล้ว 358 ล้านบาท ส่งเงินเข้ากองทุนจำนวน 4 กองอีก 74 ล้านบาท จ้างงานคนในชุมชน 90% เผยผงทองที่นำมาถลุงคือตกค้างก่อนถูกปิดเมื่อ 7 ปีก่อน

วันที่ 5 เมษายน 2567 รายงานข่าวระบุว่า ตามที่มีการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงประเด็นเกี่ยวกับบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “อัครา”) เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการความคืบหน้าของกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (“คิงส์เกต”) และการกลับมาเปิดดำเนินการของเหมืองแร่ทองคำชาตรีของอัคราฯ นั้น บริษัทขอชี้แจงรายละเอียดเพื่อความเข้าใจดังนี้

บริษัทได้รับการต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่ประทานบัตรเดิม ไม่ใช่พื้นที่ใหม่ สำหรับอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 44 แปลง ที่ได้รับอนุญาตนั้น บริษัทได้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2548 ซึ่งคำขอดังกล่าวถูกชะลอการอนุมัติไว้ ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องจนครบถ้วน

ซึ่งการออกอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าว เป็นเพียงการให้สิทธิในการสำรวจแร่ในพื้นที่ในอาชญาบัตรพิเศษเท่านั้น มิใช่สิทธิในการทำเหมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนเข้าปฎิบัติงานในพื้นที่ บริษัทจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้องเสมอ หากสำรวจพบแหล่งแร่ใหม่ บริษัทก็ต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ และความคุมค่าของการทำเหมืองก่อนที่จะขออนุญาตทำเหมืองแร่ตาม พ.ร.บ.แร่ ฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และใช้เวลานานพอสมควร

สำหรับผงทอง (Sludge) ที่ถูกกล่าวถึงนั้น เป็นผงทองที่ตกค้างอยู่ในกระบวนการผลิตของบริษัทมาตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการ จึงถือเป็นทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ชำระค่าภาคหลวงจำนวน 34 ล้านบาทครบถ้วนแล้ว จึงนำไปถลุงเป็นโลหะทองคำตามกระบวนการผลิตตามปกติ ไม่ได้เป็นข้อแลกเปลี่ยนทางคดีแต่ประการใด

หลังจากที่กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัคราเป็นผู้ผลิตและส่งต่อทองคำในรูปแบบแท่งโดเร่ให้ผู้ประกอบการไทยทำการถลุง แปรรูป และจัดจำหน่ายต่อไป ซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อสายการผลิตทองคำ และยกระดับการแข่งขันของไทยกับสินค้าทองและเงินจากประเทศอื่น ทำให้สินค้าทองและเงินไทยได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

เช่น ลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศปลายทางจากการพิสูจน์ประเทศต้นทาง (Country of Origin) ว่าใช้ทองที่ถลุง สกัดและแปรรูปในประเทศไทย สร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ทองและเงินไทยในตลาดต่างประเทศ

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร กล่าวว่า ในเรื่องของมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอนั้น เป็นไปตามที่นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบนโยบายด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพราะแร่คือความมั่นคงของประเทศ และผู้ประกอบการรายอื่นก็ได้รับสิทธิเช่นเดียวกัน

เชิดศักดิ์ อรรถอารุณ
เชิดศักดิ์ อรรถอารุณ

สำหรับอัคราฯได้ลงทุนประมาณ 3,250 ล้านบาท ในการยกเครื่องซ่อมบำรุงเครื่องจักร โรงประกอบโลหกรรม อุปกรณ์ในการทำเหมือง การซ่อมแซมโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดทำการได้อย่างเต็มรูปแบบ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศผ่านการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ อาทิ การซื้อสินค้าและบริการ การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นเงินกว่า 32,000 ล้านบาท การชำระค่าภาคหลวงกว่า 4,800 ล้านบาท การจ้างงานทั้งโดยตรงและผ่านผู้รับเหมาของบริษัทกว่า 1,000 คน ซึ่ง 99% เป็นคนไทยและ 90% เป็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ต้องอพยพย้ายถิ่นเพื่อหางานทำ

นอกจากนี้ หากจะพิจารณาเฉพาะช่วงที่เหมืองแร่ทองคำชาตรีกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัคราฯชำระค่าภาคหลวงแล้ว 358 ล้านบาท และได้สมทบทุนเข้ากองทุนจำนวน 4 กองอีกกว่า 74 ล้านบาท เพิ่มเติมจากเดิมที่สมทบไปแล้วกว่า 243 ล้านบาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน

ในโอกาสนี้ นายเชิดศักดิ์ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และขอยืนยันว่า “การดำเนินงานของบริษัทไม่เคยส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเป็นอัคราไม่ได้ทำให้บริษัทได้มาซึ่งสิทธิพิเศษเหนือผู้ประกอบการอื่นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม การดำเนินการทุกอย่างของอัคราฯมีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดและรัดกุม การจะได้รับอนุญาตให้กระทำการใด ๆ ในแต่ละครั้งนั้น เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็น