ตั้งกรรมการตรวจสอบ-เฝ้าระวังเหมืองทองอัครา หลังอนุญาโตตุลาการเลื่อนพิจารณาคดี 6 เดือน

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบควบคุมและเฝ้าระวังการทำเหมืองแร่ทองคำอัครา กันผลกระทบทุกทาง ชี้ยังเดินหน้าเจรจาหวังยุติข้อพิพาททั้ง 2 ฝ่าย หลังอนุญาโตตุลาการเลื่อนการตัดสินออกไปอีก 6 เดือน

วันที่ 10 มกราคม 2567 นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า กพร. ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบควบคุมและเฝ้าระวังการทำเหมืองแร่ทองคำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น หลังจากที่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้กลับมาประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น

เป็นผลมาจากบริษัทได้เริ่มกลับมาดำเนินการคำขอต่าง ๆ โดยเฉพาะคำขอต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่เดิม และใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ค้างอยู่ตั้งแต่ปี 2563 ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแร่และระเบียบที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายทองคำที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยภายหลังจากที่บริษัทได้กลับมาประกอบการอีกครั้ง ได้มีการติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใต้รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA สำหรับการทำเหมืองแร่ และ EHIA สำหรับการประกอบโลหกรรมอย่างเคร่งครัด

สำหรับกรณีข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินออกไปอีก 6 เดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ตามที่ทั้งสองฝ่ายร้องขอ ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาที่เชื่อว่าจะสามารถเจรจาให้ข้อพิพาทยุติลงได้ และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่า

“สำหรับกรณีที่มีข่าวเรื่องการสั่งฟ้องเหมืองทองอัคราในความผิดฐาน ยึดที่ดินรัฐ-ครอบครองป่า-สร้างตะแกรงรุกทางหลวงนั้น เห็นว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมายอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ไม่เคยแทรกแซงและไม่สามารถก้าวล่วงได้

ทั้งนี้ การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายของไทยในกรณีดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือกระบวนการอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งคณะอนุญาโตตุลาการยังไม่ได้มีการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินแต่อย่างใด”