ราคาน้ำมันดิบ (17 ก.ย. 67) ปรับเพิ่ม จากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน คาดปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกจากการประชุมเฟด

วันที่ 17 กันยายน 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบในบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐกว่า 0.21 ล้านบาร์เรลต่อวันยังคงหยุดดำเนินการจากเหตุพายุเฮอร์ริเคน Francine พัดถล่มในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สํานักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (BSEE) คาดเหตุการณ์นี้ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐสูญหายไปกว่า 2.37 ล้านบาร์เรล

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 16 ก.ย. 2567 อยู่ที่ 70.09 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.44 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 72.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.14 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ตลาดจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ล่าสุดตัวเลขผลสำรวจของ CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 62% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 30% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้ แต่อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% อาจสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ กดดันอัตราการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันสหรัฐได้

ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ไม่ฟื้นตัวยังคงกดดันความต้องการใช้น้ำมันในจีน ล่าสุด ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน ส.ค. 67 ปรับลดต่อเนื่องแตะระดับ 4.5% ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปรับก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน สะท้อนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ซบเซา และกำไรจากการส่งออกที่ระดับต่ำกดดันผู้ผลิตให้ปรับลดกำลังการผลิต

Advertisment

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดอุปสงค์น้ำมันเบนซินในจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นในช่วงเทศกาล Golden Week ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. 67 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากโควตาการส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนรอบใหม่ที่คาดว่าประกาศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลในยุโรปประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ย. 67 ปรับเพิ่ม 4.5% มาอยู่ที่ระดับ 2.55 ล้านตัน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 66 อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงหนุนจากการที่โรงกลั่นในเอเชียและยุโรปอาจพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตหลังค่าการกลั่นปรับลดลงต่อเนื่อง

Advertisment