
“เอกนัฏ” สั่งฝ่ายกฎหมายยกร่างเตรียมประกาศห้ามตั้งและขยายโรงงานรีไซเคิลทั่วประเทศ เหตุมีมากเกิน ควบคุมไม่อยู่ ย้ำไทยต้องไม่ใช่แหล่งทิ้งขยะ ด้าน “ทีมสุดซอย” ไล่บี้ 2,700 โรง เข้มอุตสาหกรรมจังหวัดต้องบุกตรวจซ้ำทุกแห่ง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับนโยบายห้ามออกใบอนุญาตโรงงานรีไซเคิลประเภท 105 106 เนื่องจากจำนวนโรงงานดังกล่าวมีมากเกินความจำเป็น และมักมีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจากการลงตรวจพื้นที่

ซึ่งรวมถึงพื้นที่เขตปลอดอากรหรือฟรีโซน พบว่าส่วนใหญ่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ดังนั้นจำเป็นต้องประกาศหยุดการออกใบอนุญาตเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งทิ้งขยะจากการนำวัสดุอุปกรณ์เข้ามารีไซเคิล
นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมาย กรมโรงงานอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างยกร่างคำสั่งประกาศห้ามตั้งและห้ามขยายโรงงานรีไซเคิลทั่วประเทศ ตามคำสั่งของนายเอกนัฏ เพราะโรงงานประเภทดังกล่าวทำผิดกฎหมายหลายอย่าง ทั้งลักลอบประกอบกิจการ ลักลอบครอบครองวัตถุอันตราย ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ตั้งและขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จึงมีความเห็นว่าควรสั่งให้หยุดการออกใบอนุญาตให้กับโรงงานรีไซเคิลไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และเพื่อให้สอดรับกับกฎหมายฉบับใหม่คือ พ.ร.บ. จัดการกากอุตสาหกรรม ที่จะประกาศออกมาใช้เร็ว ๆ นี้ เมื่อเสร็จพร้อมใช้จะเป็นการจัดระบบโรงงานรีไซเคิลใหม่
นอกจากนี้ยังเป็นการจัดการกับช่องโหว่ทางกฎหมาย และการดำเนินคดีจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เพื่อจัดการกับธุรกิจสีเทาให้หมดไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีโรงงานรีไซเคิลประมาณ 2,700 โรง กระจายทั่วประเทศ ทีมสุดซอยทำการลงตรวจเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานใหม่ที่ยังไม่เคยลงตรวจ ส่วนโรงงานที่เคยถูกสั่งให้ปิดเพื่อแก้ไขปรับปรุง จะมีอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศคอยติดตามตรวจสอบไม่ให้ลักลอบทำผิดซ้ำหรือฝ่าฝืนคำสั่ง
“อย่างบริษัท ที&ที เวสต์ เมเนจเม้นท์ เป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และอยู่ในชั้นศาล มีโรงงานเถื่อนในเครืออีก 3 ราย ที่เป็นคดีพิเศษ อีกราย คือ บริษัท เอวาย ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ถูกปิด และเราดำเนินคดี รอศาลตัดสิน และบริษัทที่เราตรวจถี่ ๆ ตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็ยังถูกปิดอยู่ และอยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล ที่เราต้องส่ง DSI มันเข้าข้อที่ว่าหากมีการครอบครองวัตถุอันตรายเกิน 50 ตัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ”