ผู้ส่งออกขานรับ”ข้าวกข.79″ ส่งขายจีนแข่งเวียดนาม

สมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัท เอเซีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด
โรงสีผนึกรัฐวางแนวทางตรวจสอบ “ข้าว กข.79” สกัดปัญหาปลอมปนข้าวหอมมะลิ หวั่นพันธุ์ข้าวเปลือกออกจากแปลงทดลองแพร่ “บิ๊กส่งออก” ประเดิมซื้อลอตแรกร่วมหมื่นตัน ปักธงตลาดจีนดันราคาเฉียด 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ภายหลังจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้การรับรองสายพันธุ์ข้าวเจ้าสายพันธุ์ใหม่ คือ ข้าว กข.79 ซึ่งเป็นข้าวขาวพื้นนิ่ม ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาตามคำเรียกร้องของผู้ส่งออก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ เป็นสินค้าไฟติ้งโปรดักต์ของไทย เพื่อสู้กับข้าวขาวพื้นนิ่มของประเทศคู่แข่ง อย่างเช่น เวียดนาม ที่ได้พัฒนาข้าวขาวพื้นนิ่งนับ 10 สายพันธุ์ เช่น หอมพวงเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทยจนได้รับความนิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้ผู้ส่งออกหลายรายกังวลว่าอนาคตข้าวขาวพื้นนิ่มเวียดนามอาจมาแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยไป เพราะราคาข้าวหอมมะลิสูง ขณะที่ราคาข้าวขาวถูกกว่า แต่เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง เช่น เสาไห้เจ๊กเชย ซึ่งคุณภาพความนุ่มน้อยกว่าข้าวขาวพื้นนิ่ม

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเกษตรกรได้ร่วมโครงการในระยะทดลองปลูกและทำการตลาดข้าว กข.79 ประมาณ 9,000 ไร่ ในพื้นที่ 7 จังหวัด เช่น พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดว่าผลผลิตที่ได้ประมาณ 5,000 ตันที่จะออกสู่ตลาด โดยขณะนี้มีผู้จองซื้อหมดแล้ว เพื่อนำไปส่งออกที่ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ในเดือนตุลาคมนี้ ราคาตันละ 8,000-8,500 บาท

แหล่งข่าวจากวงการโรงสีกล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการโรงสีเกิดความกังวลว่า ลักษณะทางกายภาพข้าวเปลือกจาก กข.79 อาจจะไปปลอมปนกับข้าวหอมมะลิ 105 ที่มีราคาสูงกว่า จึงได้ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ออกมาตรการป้องกัน เบื้องต้นกรมการข้าว และกระทรวงพาณิชย์ วางแผนจำกัดพื้นที่เพาะปลูกบางพื้นที่เท่านั้น โดยใช้ระบบคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งชาวนากับผู้ซื้อเพื่อป้องกันการปลอมปน

พร้อมกับได้หารือถึงกระบวนการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์แยกประเภทข้าว ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การตรวจสอบสารอะมิโรสในพันธุกรรมข้าว (ตรวจดีเอ็นเอ) วิธีนี้จะใช้ระยะเวลานานและมีต้นทุนการตรวจสอบสูง ล่าสุดทางโรงสีแจ้งกับกระทรวงว่าสามารถตรวจสอบโดยใช้วิธีต้มและกดกระจกได้เช่นเดียวกับการตรวจสอบข้าวทั่วไป แต่ต้องปรับลดระยะเวลาการต้มสั้นลง เช่น จากเดิมเคยต้ม 16-17 นาที แล้วมากดกระจก ก็ให้ลดลงเหลือ 14-15 นาที แล้วนำมากดกับกระจก เปรียบเทียบผลการตรวจสอบด้วยวิธีการดังกล่าวพบว่า ข้าว กข.79 จะมีลักษณะมีไตสีขาวขุ่นในเมล็ดข้าว แต่หากเป็นข้าวหอมมะลิ 105 จะไม่มีไตสีขาว

“โรงสีมีความกังวลเพราะความนิยมข้าวดังกล่าวเริ่มจะแพร่หลายออกไปเกษตรกรมองว่าจะมีความคุ้มค่ามากกว่า เช่น หากเทียบการลงทุนปลูกข้าวนาปีไร่ละ 3,500 บาทเท่ากัน ผลผลิตต่อไร่ของข้าวหอมมะลิได้ 350-400 กก.ต่อไร่ ขณะที่ข้าวขาว กข.79 ได้ 1-1.2 ตันต่อไร่ มากกว่ากันเกือบ 3 เท่า แม้ว่าจะขายได้ราคาถูก เช่น กข.79 ได้ตันละ 9,000 บาท หอมมะลิได้ตันละ 10,000 บาท แต่เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ปลูก กข.79ลงทุน 3,500 บาท ได้ผลผลิต 1 ตันราคา 9,000 บาท แต่ข้าวหอมมะลิลงทุน 3,500 บาท ได้แค่ 400 กก. หรือประมาณ 4,000 บาทต่อไร่เท่านั้น”

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้มีกระแสข่าวว่า ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์บางรายได้เริ่มพัฒนาพันธุ์ข้าว กข.79 ไว้ เพื่อทำตลาดให้เกษตรกรสำหรับฤดูกาลหน้าแล้วซึ่งประเด็นนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าการแพร่ระบาดกระจายออกไปมากน้อยเพียงใด แม้ว่าในปีแรก กรมการข้าวจะจำกัดพื้นที่ปลูก แต่คาดว่าปี 2562/2563 จะมีพื้นที่ปลูกมากขึ้นจาก 9,000 ไร่ เป็น 400,000 ไร่ จึงต้องมีการวางระบบการตรวจสอบเพื่อรองรับอีกชั้นหนึ่ง

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยหลายราย และผู้ประกอบการโรงสีหลายรายเตรียมนำร่องรับซื้อผลผลิตข้าวขาวพื้นนิ่ม กข.79 ลอตแรกแล้ว

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด เปิดเผย”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมโครงการนำร่องทดลองซื้อเพื่อทำการตลาดข้าวขาว กข.79 ซึ่งลอตแรกคาดว่าจะออกในเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีพื้นที่ปลูก 4,000-5,000 ไร่ คาดว่าจะมีผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 1.2 ตัน รวมประมาณ5,000-6,000 ตัน โดยเงื่อนไขการรับซื้อครั้งนี้จะซื้อนำราคาตลาดตันละ 500 บาทซึ่งเมื่อนำไปสีแปรและส่งออกเป็นข้าวสารจะอยู่ที่ประมาณตันละ 400-500 เหรียญสหรัฐ เทียบได้กับข้าวขาวพื้นนิ่มของเวียดนาม จะทดลองทำตลาดส่งออกไปยังประเทศจีนก่อน หากประสบความสำเร็จก็จะมีการปลูกลอตต่อไป

นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัท เอเซีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตลาดส่งออกมีความต้องการข้าวขาว กข.79 จึงได้ทดลองทำตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปี ประมาณ 2,000 ตัน โดยซื้อจากโรงสีสุพรรณบุรี ในราคาใกล้เคียงกับข้าวขาว และเริ่มส่งออกไปยังตลาดจีนในตลาดตันละ 500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาข้าวขาวพื้นนิ่มของเวียดนาม เท่าที่ทราบในช่วง 4-5 เดือนแรก ภาพการส่งออกข้าวขาวพื้นนิ่มชนิดนี้ยังมีปริมาณหลักพันตัน แต่คาดว่าทั้งปีนี้น่าจะสามารถส่งออกได้เป็นหลักหมื่นตัน

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การผลิตและส่งออกข้าวขาว กข.79 ตามโครงการที่ร่วมกันช่วงเริ่มต้นในปีแรก คาดว่าจะมีปริมาณหลักพันตัน ซึ่งคาดว่าโรงสีจะเข้ามาแย่งซื้อเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศก่อน คงไม่มีเหลือเพียงพอสำหรับส่งออก แต่รอบถัดไปที่จะออกในเดือนธันวาคมน่าจะมีปริมาณมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีบางรายที่ได้ไปทำสัญญาคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งไว้กับเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งในส่วนของบริษัท อุทัยโปรดิวส์ก็มีทำสัญญาไว้กับทาง จ.สุพรรณบุรีประมาณ 3,000 ไร่ คาดว่าจะนำส่งออกตลาดจีนได้ราคาเทียบกับข้าวขาวตันละ 400-500 เหรียญสหรัฐ