เวียดนามส่งออกข้าวแซงไทย พาณิชย์เพิ่งตื่นรื้อยุทธศาสตร์

ส่งออกข้าวไทย
File Photo : NICOLAS ASFOURI / AFP

ส่งออกข้าวครึ่งปี 2563 เวียดนามแซงไทยส่งออกขึ้นแท่นเบอร์ 2 โลก “พาณิชย์” เพิ่งตื่น รื้อยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี ส่งข้าว 7 ชนิดป้อนตลาด 3 กลุ่ม เอกชนหวั่นเมล็ดพันธุ์ไม่เพียงพอ จี้รัฐเร่งวิจัยและพัฒนา ด้านชาวนาห่วงขาดแคลนแหล่งน้ำ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย 2563-2567 เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันทุกภาคส่วนครั้งแรกระหว่างรัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต และส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก

โดยยุทธศาสตร์นี้จะมุ่งเน้นผลิตข้าวเพื่อสนองความต้องการของตลาด 7 ชนิด คือ 1.ข้าวหอมมะลิ 2.ข้าวหอมไทย 3.ข้าวพื้นนุ่ม 4.ข้าวพื้นแข็ง 5.ข้าวนึ่ง 6.ข้าวเหนียว และ 7.ข้าวคุณภาพพิเศษ

โดยข้าวทั้ง 7 ชนิดนี้จะแบ่งตลาดออกเป็น 3 ตลาด คือ 1.ตลาดพรีเมี่ยม ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมไทย 2.ตลาดทั่วไป ประกอบด้วยข้าวนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง และข้าวนึ่ง 3.ตลาดเฉพาะ ประกอบด้วยข้าวเหนียวและข้าวคุณภาพพิเศษ

“การจัดทำยุทธศาสตร์ครั้งนี้ที่ประชุมให้ความสำคัญเรื่องเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนการเพาะปลูก แหล่งน้ำ คุณภาพของข้าว การรับรองพันธุ์ข้าว พื้นที่เพาะปลูกซึ่งต้องหารืออย่างรอบคอบเพื่อกำหนดทิศทางให้ชัดเจน และตรงความต้องการของตลาด โดยเฉพาะเรื่องการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ใหม่เพื่อสนองต่อความต้องการของตลาด ต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนและสถาบันวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น” นายจุรินทร์ กล่าว

“ขณะที่ภาครัฐต้องแก้ปัญหากฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เพื่อให้ไทยสามารถผลิตข้าวคุณภาพแข่งขันในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ ต้องจัดทำให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2563 และเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป”

ชาวนา-ผู้ส่งออกข้าวไทย

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่า การจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวครั้งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำเป็นต้องดูแลการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้ดีขึ้น รวมถึงกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมแต่ละพันธุ์ด้วย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาและแบ่งโซนการปลูกพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มให้เร็วสุด หากไม่ดำเนินการการส่งออกข้าวไทยอันดับ 1 ของโลกก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ทันที เพราะจะถูกประเทศคู่แข่งแย่งตลาดข้าวหมด ยกเว้นข้าวหอมมะลิ เห็นได้จากในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ยอดการส่งออกข้าวไทยกลายเป็นอันดับ 3 แล้วส่งออกได้เพียง 3 ล้านตัน รองจากอินเดียที่ส่งออกได้ 5.5 ล้านตัน และเวียดนามที่ส่งออกได้ 3.3-3.4 ล้านตัน โดยเฉพาะส่วนแบ่งตลาดข้าวขาว 5% ของไทยถูกข้าวพันธุ์พื้นนุ่มของเวียดนามแย่งตลาดไป

“รัฐบาลต้องส่งเสริมพันธุ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ต้องไม่ต่ำกว่า 1,000 กก.ต่อไร่ จากปัจจุบัน 500-700 กก.ต่อไร่ เพราะหากต้นทุนผลิตต่ำ มีผลผลิตต่อไร่สูง ไทยไม่จำเป็นต้องขายข้าวในราคาที่แพงเว่อร์ เพราะหากขายแพงก็ไม่มีใครซื้อแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งเยอะ แถมยังพัฒนาจนมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยทุกประเทศ ทั้งอินเดีย เวียดนาม และเพื่อนบ้านไทยเป็นต้น”


นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่าสมาคมพร้อมสนับสนุนยุทธศาสตร์ข้าว แต่สิ่งที่ชาวนาให้ความสำคัญและกังวลมากที่สุด คือ เรื่องการขาดแคลนแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก แต่ไม่ห่วงเรื่องเมล็ดพันธุ์เพราะทางภาครัฐต้องบริหารจัดการให้มีปริมาณเพียงพอ และการจัดการพื้นที่เพาะปลูกก็ไม่มีปัญหา เพราะชาวนาทำนาแปลงใหญ่อยู่แล้ว