เปิดศูนย์ RCEP Center เผย 2.9 หมื่นสินค้าเตรียมลดภาษี 0% หลังบังคับใช้

“จุรินทร์” เผยข้อตกลง RCEP เผยสินค้ากว่า 2.9 หมื่นรายการ จะลดภาษีทันที 0% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 พร้อมเปิด RCEP Center ให้ข้อมูลผู้ประกอบการเตรียมตัวใช้ประโยชน์

วันที่ 29 มี.ค. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน “เปิดตัวศูนย์อาร์เซ็ป (RCEP Center)” ณ RCEP Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ส่งออก เอสเอ็มอี ภาคการเกษตร รับทราบข้อมูลและเนื้อหาสำคัญในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (RCEP)

ซึ่งจะมีสินค้า 29,000 รายการ ได้ลดภาษี 0% ในวันที่ 1 ม.ค. 2565 นี้ และระหว่างนี้อยู่ในการผลักดันให้มีการลงนามสัตยาบันให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ เมื่อประเทศไทยให้สัตยาบันได้โดยเป้าหมายต้องมี 9 ประเทศใน 15 ประเทศลงนาม ความตกลงดังกล่าวก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการค้า การส่งออกรวมไปถึงการลงทุน เบื้องต้น สำหรับการค้าสินค้า มีสินค้า 40,000 รายการโดยประมาณที่ต้องลดภาษีให้กับประเทศไทย และใน 40,000 รายการนั้น มี 29,000 รายการที่จะลดภาษีทันทีเหลือ 0% ในวันที่ 1 ม.ค. 2565

ส่วนที่เหลือประมาณ 9,000 รายการ จะลดภายใน 10-20 ปี ให้อัตราภาษีเป็น 0% ตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ สำหรับภาคบริการ ไทยจะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเข้าไปถือหุ้นได้ถึง 70-80% ในสาขาบริการ การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการขยายโอกาสให้กับนักลงทุนไทย

สำหรับความคืบหน้าการให้สัตยาบันความตกลง RCEP มีขั้นตอนการดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.ต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งได้นำเสนอเข้าที่ประชุมร่วมและได้รับความเห็นชอบแล้ว และ 2.ดำเนินกระบวนการภายในของหน่วยงานราชการต่างๆ อย่างน้อย 3 หน่วยงาน

คือ 1.กรมการค้าต่างประเทศ ออกแบบใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ให้จบ และประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน 2.กรมศุลกากรต้องประกาศอัตราภาษีให้สอดคล้องกับข้อตกลง และ 3.กระทรวงอุตสาหกรรมต้องออกประกาศเรื่องการนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตามข้อตกลง RCEP

เมื่อผ่านทั้ง 3 เงื่อนไขแล้ว กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงต่างประเทศ จะประสานงานการยื่นเรื่องให้สัตยาบันไปยังเลขาธิการอาเซียน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ RCEP ด้วย ก็ถือว่าจบการในขั้นตอนการให้สัตยาบันของไทย

ส่วนการจะมีผลบังคับใช้ กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ต้องให้สัตยาบันอย่างน้อย 6 ประเทศ และนอกประเทศอาเซียน 5 ประเทศ ต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ประเทศ เท่ากับ 6 บวก 3 เป็น 9 ประเทศ ถึงจะถือว่ามีการให้สัตยาบัน RCEP และบังคับใช้ได้ต่อไป โดยตามเป้าน่าจะเป็นสิ้นปี 2564 แต่ก็ต้องขึ้นกับอีก 8 ประเทศจะให้สัตยาบันครบหรือไม่” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิด RCEP Center หรือศูนย์ให้บริการข้อมูล RCEP มีการให้บริการ 6 เรื่อง ได้แก่ 1.รายละเอียดความตกลง 2.สถิติการค้าระหว่างประเทศ 3.อัตราภาษี 4.ถิ่นกำเนิดสินค้า 5.มาตรการการค้าของไทย และ 6.ระบบติดตามเฝ้าระวัง เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทย ได้เตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จาก RCEP ซึ่งจะให้บริการทั้งแบบออฟไลน์ ที่จะเข้ามาขอรับบริการได้ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และแบบออนไลน์ เข้าดูได้ที่เว็บไซต์ www.moc.go.th

สำหรับความตกลง RCEP ได้มีการเจรจามาตลอด 8 ปี และประสบความสำเร็จในปี 2562 เมื่อไทยเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียน และตนได้มีโอกาสเป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจในการเจรจาจนบรรลุข้อตกลงครบถ้วนจากที่ค้างคากว่า 13 ข้อบท จาก 20 ข้อบท นำมาสู่การลงนามร่วมกัน 15 ประเทศเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2563

ทำให้ RCEP เป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจีดีพีรวมกันถึง 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก มีประชากรรวมกัน 1 ใน 3 ของโลก หรือ 2.2 พันล้านคน โดยมูลค่าการค้าของไทยที่ค้าขายกับประเทศ RCEP อีก 14 ประเทศ คิดเป็น 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดที่ไทยค้าขายกับต่างประเทศ มีตัวเลขการค้า 8.5 ล้านล้านบาท

โดยประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ มีทั้งการส่งออกสินค้าและบริการ โดยสินค้าที่จะได้ประโยชน์ สินค้าเกษตร เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ประมง ผักผลไม้ อาหารทั้งแช่แข็งและแปรรูป สินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากระดาษ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องแต่งกาย ส่วนประกอบจักรยานยนต์ และภาคบริการ เช่น การก่อสร้างซึ่งไทยมีศักยภาพ ด้านบริการสุขภาพ ภาพยนตร์ บันเทิง แอนิเมชันที่เรียกว่าดิจิทัลคอนเทนต์ รวมทั้งภาคการค้าปลีก

ผู้สนใจสามารถเข้าใช้บริการของ RCEP Center ได้ทั้งแบบ Walk-in ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือสอบถามข้อมูลผ่าน Call Center ที่หมายเลข 0 2507 7555 รวมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ www.dtn.go.th และเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ www.moc.go.th

กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่าบริการของศูนย์ RCEP Center จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำธุรกิจรวมทั้งผู้ที่ยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ในการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และความตกลง FTA อื่นๆ ที่ไทยเป็นภาคี เพื่อขยายโอกาสทางการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหนึ่งกลไกที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 3.5-4% ในปี 2564