เตรียมรายงานข่าวดี “ประยุทธ์” 3 โครงการใหญ่ใน EEC คืบหน้าเกินครึ่งทาง

อู่ตะเภา

“สุพัฒนพงษ์” รับทราบผลการประชุมบอร์ด EEC ชุดเล็ก (กบอ.) โชว์ 3 โครงการใหญ่ ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ตลาดลานโพธิ์นาเกลือคืบหน้าเกินครึ่งทาง มั่นใจเสร็จตามแผน ก่อนรายงานบอร์ดชุดใหญ่ “บิ๊กตู่”

วันที่ 4 มิถุนายน 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ เลขาฯ EEC) ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ. หรือบอร์ด EEC ชุดเล็ก) ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 ถึงผลการประชุม ว่าที่ประชุมได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดย 4 โครงการสำคัญคืบหน้าอย่างมาก คือ

1.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ระยะทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินอู่ตะเภา 170 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการประมาณ 5,521 ไร่ งานมีความคืบหน้า 86% พร้อมส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดกันยายน 2564 โดยขณะนี้เอกชนได้เข้าพื้นที่ และเริ่มออกแบบเตรียมการก่อสร้าง เช่น งานปรับพื้นที่สำหรับเตรียมก่อสร้างช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา งานก่อสร้างถนนและสะพานชั่วคราวเพื่อลำเลียงวัสดุ งานก่อสร้างสำนักงานสนาม บ้านพักคนงาน โรงหล่อชิ้นงานโครงสร้าง งานด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและการจัดจราจร โดยการก่อสร้างทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี และจะเปิดให้บริการช่วงพญาไท สุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา ในปี 2568

ด้านการส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ พร้อมส่งมอบให้เอกชนคู่สัญญา โดยยืนยันว่า ผู้โดยสารจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ระหว่างการถ่ายโอนกิจการ โดยเฉพาะเรื่องบัตรโดยสาร ที่สามารถใช้บัตรรายเดือนได้ตามเดิม

นอกจากนี้จะได้รับการยกระดับคุณภาพบริการที่ดีขึ้น อาทิ การปรับเปลี่ยนตู้ขนสัมภาระ จำนวน 4 ตู้ ให้เป็นตู้รองรับผู้โดยสารแทนได้มากถึง 1,000 คนต่อชั่วโมง ลดการรอคอยขบวนรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมปรับปรุงระบบควบคุมการเดินรถ ให้ขบวนรถมาตรงเวลามากขึ้น รวมถึงปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกรอบสถานี เพิ่มห้องน้ำ พื้นที่สีเขียว ระบบแสงสว่าง พัดลมระบายอากาศ และปรับปรุงระบบจราจร เป็นต้น

2.สนามบินอู่ตะเภา ส่วนความรับผิดชอบภาครัฐ อาทิ การก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 โดยกองทัพเรือ ซึ่งได้ออกแบบทางวิ่งและทางขับที่ 2 งานทางขับเชื่อมระหว่างทางวิ่ง พร้อมลานจอดศูนย์ซ่อมอากาศยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ทางวิ่งความยาว 3,505 เมตร ทางขับที่เกี่ยวข้อง 6 เส้นทาง อุโมงค์ลอดใต้ทางวิ่ง งานระบบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

การเตรียมส่งมอบพื้นที่ สกพอ. ได้จัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติงานในพื้นที่เขตส่งเสริมฯ สำหรับช่วงการก่อสร้างเพื่อใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ รวมถึงดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ งานก่อสร้างระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น สกพอ. ได้ส่งมอบที่ดินที่เช่า และบริษัท บี. กริม ได้เข้าเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว งานก่อสร้างระบบประปาและระบบน้ำเสีย สกพอ. ได้ส่งมอบที่ดินให้แก่บริษัท อีสท์วอเตอร์ เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างสำรวจสภาพพื้นที่

ส่วนความรับผิดชอบเอกชนคู่สัญญา (UTA) ได้เข้าสำรวจพื้นที่โครงการเรียบร้อย และได้ก่อสร้างรั้วมาตรฐานเขตการบิน (Airside) ความยาว 4.9 กิโลเมตร แล้วเสร็จประมาณ 95% เพื่อรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในช่วงการก่อสร้าง พร้อมจัดทำค่าระดับในพื้นที่โครงการ และกำหนดแนวเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างอาคารผู้โดยสารกับสถานีรถไฟความเร็วสูง

งานจัดทำแผนแม่บทสนามบินฉบับสมบูรณ์ กำหนดส่งมอบตามสัญญาเดือนมิถุนายน 2564 นี้ งานออกแบบอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก กลุ่มบริษัท SOM (Skidmore, Owings and Merrill LLP : SOM) เพื่อออกแบบร่างขั้นต้นของอาคาร

กิจกรรมพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมการบิน (Aviation Technical Zone : ATZ) สกพอ. เตรียมพัฒนาพื้นที่ประมาณ 539 ไร่ เพื่อรองรับอตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางพัฒนาธุรกิจด้านอากาศยาน ซึ่งกิจกรรมใน ATZ ที่สำคัญ ๆ

เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ให้บริการซ่อมบำรุงเบา/หนัก ดัดแปลงอากาศยาน ศูนย์บริการอะไหล่อากาศยาน ศูนย์บริการอุปกรณ์ภาคพื้น ซ่อมบำรุงอุปกรณ์อากาศยาน ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศ และที่จอดสำหรับอากาศยานที่เสีย และใช้เวลาซ่อมระยะยาว หรือรอจำหน่าย เป็นต้น

ปัจจุบัน สกพอ. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทและวางผังภายในพื้นที่กิจกรรม ATZ และมีแผนจัดทำการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (International Market Sounding) เพื่อศึกษาภาพรวมตลาดและเชิญชวนนักลงทุนในระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงกันยายน 2564 ซึ่งการดำเนินการ ATZ คาดว่าจะเพิ่มอัตราการจ้างงานด้านอุตสาหกรรมการบินกว่า 3,000 ตำแหน่ง สร้างรายได้ภาครัฐจากเอกชนที่เข้ามาลงทุน เพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ช่วยลดต้นทุนธุรกิจอุตสาหกรรมการบินของประเทศ และพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบินในระดับภูมิภาคเอเชีย

3.ต้นแบบการพัฒนาเมืองเก่า ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ตามแผนพัฒนาเมืองพัทยา สู่ NEO PATTAYA เพื่อเป็นโครงการนำร่องต้นแบบการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมรักษาความเป็นเมืองเก่าของนาเกลือสู่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน คู่ไปกับการพัฒนาเป็นตลาดอาหารทะเลชั้นนำของอีอีซี โดยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้ชุมชน

ปัจจุบันได้ศึกษาและสำรวจแนวคิดจากโครงการที่ประสบความสำเร็จ ปรับการออกแบบผัง แนวคิด ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ชุมชน รักษาทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่อีอีซี

ทั้งนี้ จุดเด่นสำคัญของการพัฒนาโครงการตลาดใหม่ลานโพธิ์นาเกลือ คือ เป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างรัฐ-ท้องถิ่น และเอกชน สร้างโอกาสในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ขยายผลไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตประชาชนหลังสถานการณ์โควิด-19 และเป็นโครงการต้นแบบที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่อีอีซี สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ชุมชนต่อเนื่อง