สนค. รายงานเทรนด์การส่งออก เผยสินค้าอาหาร สินค้าที่ใช้อำนวยความสะดวกในการทำงานที่บ้าน และสินค้าป้องกันโรค ยังเป็นดาวเด่นปีนี้ยาวถึงปีหน้า แต่สินค้าเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยวและสินค้าฟุ่มเฟือย มีลุ้นเติบโตช่วงครึ่งปีหลัง มั่นใจปีนี้ส่งออกโตเกิน 4%
วันที่ 7 มิถุนายน 2564 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์และติดตามแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2564 พบว่ากลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มการขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหาร ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต จะมีอัตราการเติบโตสูง เช่น ผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร น้ำผลไม้ และอาหารสัตว์ เป็นต้น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งเป็นสินค้าเมกะเทรนด์ มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เน้นการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน การทำงานและเรียนระยะไกล และการใช้ชีวิตในที่พักอาศัยมากขึ้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ซึ่งคาดว่าจะมีการขยายตัวได้ต่อเนื่องในปีนี้ และปีหน้า จนกว่าการฉีดวัคซีนจะกระจายได้ทั่วถึง
สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ คาดว่าจะมีการฟื้นตัว หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ ซึ่งเป็นตัวเร่งด้านราคาสำหรับสินค้ากลุ่มนี้ เช่น น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ปิโตรเคมี เหล็ก ยางพารา น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง
ส่วนสินค้าที่จะกลับเข้าสู่วัฏจักรการผลิตเดิม หลังจากปัญหาโลจิสติกส์ผ่อนคลาย และกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้าสำคัญเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐ จีน ยุโรป จากการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีความต้องการสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ยานยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
ขณะที่สินค้าที่ฟื้นตัวช้าจากผลกระทบที่รุนแรงของโควิด-19 น่าจะเห็นการกลับเข้าสู่ระดับปกติในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เมื่อหลาย ๆ ประเทศมีการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องสำอาง นาฬิกา กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง เป็นต้น
นายภูสิตกล่าวว่า การส่งออกทั้งปี 2564 มีแนวโน้มโตกว่าเป้าหมาย 4% โดยปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจของคู่ค้าฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งสหรัฐ จีน และสหภาพยุโรป และการทำงานหนักของกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนงานขับเคลื่อนการส่งออก เน้นนโยบายเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด, อาหารไทยอาหารโลก, กระตุ้นการค้าออนไลน์, การเร่งรัดการส่งออกในยุคนิวนอร์มอล
โดยใช้นวัตกรรมใหม่ทางการตลาด เพื่อส่งเสริมตลาดเชิงรุกทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และยังได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าต่างๆ ทั้งการแก้ปัญหาการค้าชายแดนผ่านแดน โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน การแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะถัดไป ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 จากการเกิดสายพันธ์ุใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การการค้าโลก (WTO) มองว่าการฟื้นตัวของการค้าโลกอาจเกิดการชะงักงัน หากหลายประเทศไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง ขณะที่การเร่งการกระจายวัคซีนและการคลายล็อกดาวน์ที่เร็วขึ้น จะส่งผลให้การค้าโลกเติบโตเพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งจะกลับสู่แนวโน้มก่อนเกิดการแพร่ระบาดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564