น้ำมันโลกพุ่งค่าระวางขึ้น ส่งออกผ่าน 3 เส้นทางอ่วม

แท่นเจาะน้ำมัน

น้ำมันดิบตลาดโลกขาขึ้นรอบ 3 ปี สภาผู้ส่งออกฯชี้ “ค่าระวางเรือ” อัพราคาตามต่อเนื่อง ล่าสุดเส้นทางยุโรป-ออสเตรเลีย-สหรัฐขยับอีก คาดแนวโน้มราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 70 เหรียญสหรัฐ ดันส่งออกทะลุ 7%

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ปรับสูงขึ้น 1.2% ไปอยู่ที่ 77.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส 76.33 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.56%

สูงสุดนับแต่เดือนตุลาคม 2561 ผลจากการปรับแผนการผลิตน้ำมัน กลุ่มประเทศโอเปกและกลุ่มพันธมิตร(OPAC PLUS) ซึ่งได้เลื่อนการประชุมจากวันที่ 5 ก.ค. 2564 อย่างไม่มีกำหนด

ล่าสุดรายงานข่าวจากไทยออยล์ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2564 ราคาน้ำมันดิบปรับลดมากกว่า 1 เหรียญต่อบาร์เรล จากราคาวันที่ 7 ก.ค. 2564 ที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอยู่ที่ 72.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

และเบรนต์อยู่ที่ 73.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังตลาดกังวลว่าการยกเลิกการประชุมโอเปกพลัสที่ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับระดับการผลิตในช่วงเดือน ส.ค. ถึง ธ.ค. 64 ได้ ขณะที่ในปัจจุบันยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่าการหารือครั้งต่อไปจะจัดขึ้นเมื่อใด

ด้าน ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) เปิดเผยว่า ทิศทางการค้าฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั่วโลก ทำให้เกิดแรงหนุนความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐ

ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงเกินกว่า 70 เหรียญสหรัฐ จะมีส่วนสำคัญที่ผลักดันการส่งออกปี 2564 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 7%

โดยสถานการณ์ภาพรวมราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อการฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัส มีแนวโน้มปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4 แสนล้านบาร์เรลต่อวันช่วงเดือน ส.ค. จนถึง ธ.ค. 64 จึงทำให้อุปทานน้ำมันดิบต่ำกว่าอุปสงค์

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันจากสถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในอินเดีย

“ค่าระวางในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 จาก standard rate พบว่า มีการปรับเพิ่มขึ้นในหลายเส้นทางโดยเฉพาะในเส้นทางยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐ นอกจากนี้สายเรืออาจมีการกำหนด premium rate ในอัตราที่สูงกว่า เพื่อให้มีโอกาสได้จองระวางได้มากกว่า”

และข้อมูล Shanghai Containerized Freight Index เปรียบเทียบอัตราค่าระวางช่วงเดือนมิถุนายน พบว่าดัชนีรวมค่าระวางอยู่ที่ 3,785.4 เหรียญสหรัฐต่อทีอียูปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า 3,495.76 เหรียญสหรัฐต่อทีอียู

เป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปีจากมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น และการควบคุมการระบาดในจีนค่อนข้างคงที่ ความมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้สินค้าจากจีนขนส่งต่อเนื่องมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม ปริมาณการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เปล่าในเดือนพฤษภาคมมีจำนวน 1.38 แสนตู้ ลดลง 1.41% และตู้สินค้า 3.47 แสนตู้ เพิ่มขึ้น 22%