ราช กรุ๊ป ทุ่ม 3.1 หมื่นล้าน ปิดดีล 3 โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

ราช กรุ๊ป ลั่นปิดดีลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทย อินโดนีเซียและไพตัน มั่นใจปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานเพิ่มตามเป้า 1,000 เมกะวัตต์ ด้วยงบลงทุน 31,000 ล้านบาท “กิจจา” พร้อมส่งไม้ต่อ “ชูศรี” สานต่อวิชชั่นเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2568

วันที่ 29 กันยายน 2564 นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามแผนดำเนินงานบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนจาก 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2564 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ปี 2568 ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายมีกำลังการผลิตภาพรวมที่ 10,000 เมกะวัตต์ (MW) โดยล่าสุดเตรียมปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม 3 ส่วน ได้แก่โรงไฟฟ้าไพตันที่อินโดนีเซีย 900 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มอีก2แห่ง คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทย ใช้เงินลงทุนรวม 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินไพตันที่อินโดนีเซีย 25,000 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อินโดนีเซีย 1,500 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (ชีวมวล)ในไทย 4,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ราช กรุ๊ปมีการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตทำให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 8,292 เมกะวัตต์ และสิ้นปี 2564 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตพลังงานทดแทน 1,000 เมกะวัตต์ จากแผนดังกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทบริษัทฯ ยังได้กระจายการลงทุนไปยังโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและธุรกิจอื่นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะยาว โดยกำหนดเป้าหมายไว้ปีละ 5% ของงบลงทุน อีกทั้งยังสร้างฐานธุรกิจในต่างประเทศทั้งใน สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเวียดนามเป็นประเทศล่าสุด

“ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถลงทุนกำลังการผลิตเพิ่มได้กว่า 2,000 เมกะวัตต์ จนมาอยู่ที่ 8,292 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าไพตันที่อยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นให้ความเห็นชอบ หากประสบความสำเร็จบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 900 เมกะวัตต์ ส่วนมูลค่ากิจการอยู่ที่ประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการลงทุนในกิจการที่ดำเนินงานแล้วจะช่วยผลักดันมูลค่ากิจการเพิ่มได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งภารกิจงานทั้งหมดนี้ผมมั่นใจว่า ประสบการณ์ของคุณชูศรีกว่า 30 ปี ด้านบริหารการเงินการลงทุนจะเข้ามาช่วยเติมเต็มให้การขับเคลื่อนเป้าหมายการลงทุนและมูลค่ากิจการของบริษัทฯ ดียิ่งขึ้น” นายกิจจา กล่าว

ด้านนางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กล่าวว่า พร้อมสานต่อภารกิจสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของราช กรุ๊ป ด้วยการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและขีดความสามารถบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนายกระดับด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การบริหารและวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการลงทุน เพื่อให้เป้าหมายกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ และมูลค่ากิจการ 200,000 ล้านบาท บรรลุผลสำเร็จ โดยจะนำความรู้และประสบการณ์เข้ามาเสริมในการบริหารการลงทุนการเงิน ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการประสิทธิภาพการใช้งบลงทุน การจัดหาแหล่งเงินทุนหรือเครื่องมือทางการเงินที่มีต้นทุนสมเหตุสมผลและเหมาะกับลักษณะของโครงการสำหรับรองรับการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ตลอดจนการบริหารจัดการผลตอบแทนหรือรายได้ของกิจการที่ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ากระแสเงินสดของบริษัทมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง

“ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของราช กรุ๊ป ดิฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมากกว่า 30 ปี ทั้งในด้านการบริหารการเงิน และการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงาน จะสามารถช่วยขับเคลื่อนภารกิจ 3 ประการของราช กรุ๊ป ให้ก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมาย”