น้ำเหนือนครสวรรค์เริ่มลด เร่งระบายน้ำขังออกทะเล เขื่อนป่าสักเฝ้าระวังล้น

น้ำเหนือที่นครสวรรค์เริ่มลดลงแล้ว ส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาลดลงตามกรมชลประทาน เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง ใช้ระบบชลประทานรับน้ำอย่างเต็มศักยภาพ ลดผลกระทบพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตอนล่าง ขณะที่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำมาก อีกจำนวน 17 แห่ง โดยเฉพาะเขื่อนปาสัก ปริมาณน้ำทะลุเกิน 105%

วันที่ 21 ตุลาคม 2564 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจและติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ปริมาณน้ำในพื้นที่ตอนบนบริเวณจังหวัดนครสวรรค์เริ่มลดลงแล้ว โดยที่สถานีวัดน้ำท่า C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,669 ลบ.ม./วินาที (ลดลง 38 ลบ.ม./วินาที) ก่อนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ซึ่งมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,779 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 13 ลบ.ม./วินาที) ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ บริเวณ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 5 ซม. และ จ.อ่างทอง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 6 ซม.

ด้านลุ่มน้ำป่าสัก ปัจจุบัน (21 ต.ค. 64) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนลดน้อยลงแล้ว แต่ยังคงเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักฯ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในระดับควบคุม ในอัตรา 600 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักบริเวณด้านท้ายเขื่อนหลายจุดลดลง ดังนี้

อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ลดลง 5 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 5.89 เมตร)อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ลดลง 10 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 7.21 เมตร) อ.เมือง จ.สระบุรี ลดลง 6 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.61 เมตร) อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลง 2 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 0.42 เมตร)

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยปริมาณฝนที่ตกน้อยลงและใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับในระยะต่อไป แต่ยังคงมีน้ำท่าที่เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงแม่น้ำท่าจีนในปริมาณมาก กรมชลประทาน ได้ใช้ระบบชลประทานในพื้นที่ตอนล่าง เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างเต็มศักยภาพ รวมไปถึงการนำน้ำเข้าทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำจนเต็มศักยภาพแล้ว จึงขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน

รายงานข่าวระบุ ปริมาณน้ำในเขื่อนปาสัก เกินศักยภาพรับน้ำ 101% หรือปริมาณน้ำ971 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม จนกระทั่งวานนี้ (20 ต.ค.) รับน้ำเกินความจุ 105% หรือปริมาณ 1,009 ล้านลบ.ม.


สำหรับ ปริมาณน้ำทั้งประเทศอยู่ที่ 59,653 ล้าน ลบ.ม. (73%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 52,593 ล้าน ลบ.ม. (74%) เฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 แห่ง ยังมีเขื่อนที่เฝ้าระวังน้ำมาก จำนวน 17 แห่ง (บึงบอระเพ็ด หนองหารกุมภวาปี อ่างฯ แม่มอก อ่างฯ แควน้อยบำรุงแดน อ่างฯ ทับเสลา อ่างฯ ป่าสักชลสิทธิ์ อ่างฯ กระเสียว อ่างฯ อุบลรัตน์ อ่างฯ จุฬาภรณ์ อ่างฯลำตะคอง อ่างฯ ลำพระเพลิง อ่างฯ มูลบน อ่างฯ ลำนางรอง อ่างฯ ลำแซะ อ่างฯ ขุนด่านปราการชล อ่างฯ นฤบดินทรจินดา และอ่างฯ หนองปลาไหล)