ส.อ.ท.ชี้สินค้าแพง จากต้นทุน ราคาพลังงาน แนะรัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือ

ค่าครองชีพ

ส.อ.ท. เปิดเผยผลสำรวจผู้บริหาร 150 คน “สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่งจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร” ชี้ตรงกันจากปัญหาต้นทุนเพิ่ม วัตถุดิบขาด ราคาพลังงาน แนะรัฐเร่งช่วยเหลือด้านค่าน้ำ ค่าไฟ

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ภายใต้หัวข้อ “สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่งจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร” พบว่าปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานไปอย่างน้อย 3 เดือน หรืออาจยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ หากราคาพลังงานยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้อีกแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยการลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง รวมทั้งลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่น ๆ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงนี้ นอกจากนี้ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในกรอบ 2-4 เปอร์เซ็นต์

จากการสำรวจครั้งนี้ ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง ผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1. ปัจจัยใดส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้

  • อันดับที่ 1 : ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.7%
  • อันดับที่ 2 : ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 74.0%
  • อันดับที่ 3 : ค่าขนส่งที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 63.3%
  • อันดับที่ 4 : ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น 51.3%

2. ภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานแค่ไหน

  • อันดับที่ 1 : 3 – 6 เดือน 35.3%
  • อันดับที่ 2 : 6 – 12 เดือน 34.7%
  • อันดับที่ 3 : มากกว่า 1 ปี 30.0%

3. มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน

  • อันดับที่ 1 : ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง 75.3%
  • อันดับที่ 2 : ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงและสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่น ๆ 74.7%
  • อันดับที่ 3 : ตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้มีผลต่อต้นทุนสินค้า 66.0%
  • อันดับที่ 4 : มาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพ เช่น คนละครึ่ง 59.3%

4. ภาคเอกชนจะช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้นได้นานเท่าไร

  • อันดับที่ 1 : 1-2 เดือน 40.0%
  • อันดับที่ 2 : 3-4 เดือน 30.7%
  • อันดับที่ 3 : มากกว่า 6 เดือน 16.7%
  • อันดับที่ 4 : 5-6 เดือน 12.6%

5. เอกชนควรปรับตัวรับมือกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวอย่างไร

  • อันดับที่ 1 : นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 77.3%
  • อันดับที่ 2 : นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต เช่น LEAN, ไคเซ็น 61.3%
  • อันดับที่ 3 : ปรับกลยุทธ์เน้นตลาดต่างประเทศ และการแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ 54.0%
  • อันดับที่ 4 : เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ 50.0%

6. อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 จะอยู่ในระดับใด

  • อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้น 2-4 % 58.0%
  • อันดับที่ 2 : เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% 23.3%
  • อันดับที่ 3 : เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% 18.7%