อธิบดีกรมปศุสัตว์ เตือนเกษตรกรในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกที่ระบาดในประเทศต่าง ๆ โดยยังมีรายงานพบการระบาดของโรค “ไข้หวัดนก” สายพันธุ์ชนิดความรุนแรงสูง (HPAI) ทั้ง H5N1 H5N6 และ H5N8 มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมทั้งในเอเชีย
วันที่ 4 มีนาคม 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) รายงานพบการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกชนิดสายพันธุ์รุนแรง (Highly Pathogenic Avian Influenza: HPAI) ใน 61 ประเทศทั่วโลก รวมจุดพบโรคทั้งหมด 5,213 จุด และจากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 พบรายงานการระบาดของโรค “ไข้หวัดนก” สายพันธุ์ชนิดความรุนแรงสูง (HPAI) ชนิด H5N1 H5N6 H5N2 H5N5 และ H5N8 มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมทั้งในเอเชีย
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม อีกทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนชนิด H5N6 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีผู้เสียชีวิต กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานหลัก ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงเตรียมความพร้อม ในการป้องกันโรคไข้หวัดนก เข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่เกษตรกร ตั้งแต่การปรับระบบการเลี้ยง
โดยเน้นระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ เช่น ป้องกันนกธรรมชาติเข้าเล้า/โรงเรือน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบริเวณสัตว์อาศัยอยู่เป็นประจำ หาแหล่งน้ำบริโภคให้สะอาด ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า-ออกฟาร์ม ในกรณีที่จะนำสัตว์ปีกเข้าร่วมฝูง จะต้องมีการกักกันไว้ในบริเวณอื่นก่อน อย่างน้อย 7 วัน เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกสังเกตอาการสัตว์อย่างใกล้ชิด หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ อย่านำสัตว์ปีกไปจำหน่ายจ่ายแจก หรือนำไปประกอบอาหารโดยเด็ดขาด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ อาสาปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินมาตรการควบคุมโรคทันที
วันเดียวกัน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายให้นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานการเปิดประชุมผ่านระบบการประชุมวีดิทัศน์ทางไกล พร้อมด้วย สัตวแพทย์หญิง ดร.พัชรี ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ นายสัตวแพทย์อภินันท์ คงนุรัตน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก สพส. สคบ. สสช. กสก. และ กรป. ร่วมให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน Department of Veterinary Services (DVS) และ Department of Islamic Development (JAKIM) ประเทศมาเลเซีย ในโอกาสเข้าตรวจประเมินโรงงานในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5-19 มีนาคม 2565
ในการตรวจประเมินครั้งนี้จะมีการเข้าตรวจโรงงาน (on-site) ทั้งสิ้น 28 แห่ง ประกอบด้วยโรงเชือดสัตว์ปีกจำนวน 26 แห่ง โรงตัดแต่งเนื้อสัตว์ปีกจำนวน 1 แห่ง และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ปีกจำนวน 1 แห่ง ซึ่งเป็นการตรวจรับรองโรงงานใหม่และรับรองเพื่อการต่ออายุ ตามมาตรฐานด้านอาหารปลอดภัย และมาตรฐานฮาลาลตามข้อกำหนดของมาเลเซีย ในการนี้ผู้แทนจากทั้งกรมปศุสัตว์และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ร่วมบรรยายภาพรวมของกรมปศุสัตว์ ระบบการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพสัตว์ปีก การควบคุมป้องกันและการควบคุมการเคลื่อนย้ายโรคสัตว์ปีก ระบบการตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ ระบบการผลิตสินค้าเนื้อสัตว์ปีก ระบบการรับรองมาตรฐานฮาลาลของประเทศไทย และการตรวจด้านฮาลาลในโรงเชือดสัตว์ปีกเพื่อการส่งออก
ทั้งนี้ในปัจจุบันโรงเชือดสัตว์ปีกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน DVS และ JAKIM แล้วเป็นจำนวน 28 โรงงาน ในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกไปมาเลเซียจำนวน 29,697 ตัน คิดเป็นมูลค่า1,969.18 ล้านบาท ซึ่งการตรวจประเมินครั้งนี้น่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกไทยไปมาเลเซียได้มากขึ้น
สำหรับ Pig Sandbox จะเป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อนำร่อง ส่งเสริม-ฟื้นฟูการผลิต และควบคุมป้องกันโรคสุกร ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ประกอบด้วย เขตพื้นที่นำร่องและพื้นที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) เช่น ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคการเงินการธนาคาร ภาคการขนส่ง ฯลฯ
มาตรการทางกฎหมายและการสนับสนุนด้านอื่น ๆ โครงการ/กิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการ กรอบเวลาและงบประมาณ และคณะทำงานขับเคลื่อนทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ สำหรับแนวทางการส่งเสริมและฟื้นฟูการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายเล็กและเกษตรกรรายย่อย มีการดำเนินการโดยใช้หลัก 3S คือ Scan พื้นที่ภายใต้มาตรการประเมินความเสี่ยงเพื่อกำหนดพื้นที่นำร่อง (Pig Sandbox) Screen คน คอก เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่มีความพร้อมและเหมาะสม และ Support อุดหนุน ช่วยเหลือด้านการจัดการเลี้ยงดู การตลาดและแหล่งทุน โดยให้คำแนะนำ อบรม ในการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับและปรับระบบการเลี้ยงเข้าสู่มาตรฐาน GFM/GAP มีการอบรมเกษตรกร สนับสนุน อุดหนุน ปัจจัยการผลิตที่จำเป็น เช่น พันธุ์สัตว์ราคาถูก (ลูกสุกรขุน/แม่พันธุ์)
โดยกรมปศุสัตว์ และเครือข่ายผู้เลี้ยงสุกร สนับสนุนการจัดทำ ปรับปรุงฟาร์มภายใต้ระบบป้องกันภัยทางชีวภาพของฟาร์มเลี้ยงสุกรสู่ระบบการป้องกันโรค และการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management: GFM) โดยต้องเป็นเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม