โซเชียลจีนถล่มทุเรียนไทยคุณภาพต่ำ หลังไทยส่งออกทะลุแสนตันสูงสุดปีแรก

ทุเรียน

“อลงกรณ์” แจงปัญหาทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีน หลังมีคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล ยอมรับส่งออกทุเรียน 120 ล้านลูก 4 แสนตันใน 4 เดือน ย่อมมีผิดพลาดบ้าง ยืนยันฟรุตบอร์ดแก้ไขปัญหาจนสถานการณ์ดีขึ้น ทำให้ไทยครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนเป็นอันดับหนึ่งทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ (เฉพาะกิจ) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับประเด็นคลิปทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนที่แชร์กันในโลกโซเชียล ว่า ปัญหาทุเรียนไร้คุณภาพ เช่น ทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่มีจริง เพราะ 4 เดือนมานี้มีทุเรียนที่ส่งออกกว่า 4 แสนตัน หรือกว่า 120 ล้านลูก ย่อมเกิดผิดพลาดจากมือตัด มือคัดและผู้ประกอบการ

โดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาค้าขายทุเรียนในช่วงปี 2 ปีนี้ เนื่องจากราคาดีตลาดโต แต่ปัญหาทุเรียนอ่อน ทุเรียนแก่ ทุเรียนสวมสิทธิในฤดูกาลปีนี้ลดลงและมีแนวโน้มดีขึ้นมาก เพราะ 2-3 ปีมานี้ ทางราชการเข้มงวดกวดขันจับกุมไปหลายราย ลองไปดูตัวอย่างแถวระยอง จันทบุรี และตราด เจ้าหน้าที่ ชาวสวนและล้งร่วมมือกันเข้มแข็งมาก ๆ เพื่อรักษาคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ในสวนจนถึงตลาด มีชุดตรวจพิเศษจับเอาโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับและถอนใบอนุญาต

รวมทั้งการป้องกันทุเรียนต่างชาติมาสวมเป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณี และภายใต้ 18 มาตรการของฟรุตบอร์ด ซึ่งมาตรการลำดับที่ 1 คือมาตรการรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุเรียน สวนทุเรียนและล้ง

ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีสวนที่ส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปจีนต้องมีใบรับรอง GAP เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 แสนแปลง โดยในปี 2565 เพิ่มเป้าหมายเป็น 120,000 แปลง และ GMP plus สำหรับล้ง ซึ่งยังไม่มีประเทศใดในโลกที่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานได้แบบนี้ ด้วยมาตรฐานเช่นนี้ ประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวที่จีนยอมให้ส่งทุเรียนสดไปขายในจีนได้ ส่วนทุเรียนประเทศอื่นต้องแช่เย็น แช่แข็งหรือแปรรูปถึงจะส่งออกไปจีนเพราะสวนทุเรียนไม่ผ่านมาตรฐานของจีน

วันนี้ทุเรียนไทยสามารถครองตลาดจีนเป็นที่หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกทะลุกว่าแสนล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากไม่กี่หมื่นล้านเมื่อ 4 ปีก่อน ถ้ารวมผลไม้ทั้งหมด ไทยครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดจีนกว่า 40% เป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 คือ ชีลี 14% อันดับ 3 ได้แก่ เวียดนาม 6% ทั้งที่เวียดนามมีพรมแดนติดจีน เรียกว่าทุเรียนไทยผลไม้ไทยครองตลาดและครองใจคนจีนแบบแน่นหนามั่นคง

อย่างไรก็ตาม การส่งออกด้วยปริมาณมาก ๆ และภายในเวลาที่จำกัดย่อมมีผิดพลาดบ้าง แม้จะช่วยกันดูแลเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม เพราะมีปริมาณการส่งออกทุเรียน 4 แสนกว่าตัน หรือกว่า 120 ล้านลูก ในช่วง 4 เดือนแรกของฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565 นี่คือความจริงและความยากในการค้าขายทุเรียนสด

ยิ่งกว่านั้นยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นคือผู้ค้ารายใหม่ทั้งไทยและจีนที่เห็นตลาดโตราคาดีเข้ามาค้าขายเพิ่มขึ้นแต่ขาดประสบการณ์จึงมักเกิดปัญหาเรื่องการตัดการคัดทุเรียน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงต้องจัดหลักสูตรฝึกอบรมบ่มเพาะพัฒนาฝีมือมือตัดและมือคัดทุเรียนและล้ง เช่น สวพ.6 ที่จันทบุรี

นอกจากนี้ ทุเรียนกว่า 120 ล้านลูกต้องขนส่งไปจีนข้ามน้ำข้ามเขาข้ามลาวข้ามเวียดนามด้วยระยะทางกว่า 2 พันกิโลเมตร บางครั้งติดด่าน 10 วัน 20 วัน ย่อมมีโอกาสบอบช้ำหรืองอมมากไปบ้าง ซึ่งพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากขายครั้งเดียวแล้วเลิกจากการขายทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่ นอกจากคนเห็นแก่ตัวบางส่วน ซึ่งมีการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

รวมทั้งการพัฒนาระบบแปลงใหญ่ (Big Farm) การใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมใหม่ เช่น เครื่องมือตรวจเปอร์เซ็นต์เนื้อแป้งแบบดิจิทัล ระบบความเย็น (cold chain system) แบบไนโตรเจน ฟรีซเซอร์ (Nitrogen Freezer) ซึ่งติดตั้งแล้วหลายยูนิตที่ภาคตะวันออกและภาคใต้มีคุณภาพเหนือกว่าระบบแช่แข็งแบบเดิมที่ใช้ในเวียดนามและมาเลเซีย


วันนี้ ทุเรียนไทยนอกจากเป็นแชมป์ในตลาดจีนแล้วยังเป็นแชมป์โลกด้วย จากความร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วนพร้อมกับการแก้ไขปัญหาทุกปัญหาด้วยความใส่ใจทั้งปัญหาปัจจุบันและโจทย์ในอนาคต