เกษตรฯทุบสถิติส่งออกทุเรียนสด ทะลุเป้า 5 แสนตัน ภายใน 4 เดือน

Fruit Board กระทรวงเกษตรฯโชว์ผลงานทุบสถิติส่งออกทุเรียนผลสด ทะลุเป้า 5 แสนตัน เป็นครั้งแรกภายใน 4 เดือน 22 วัน ชี้ใกล้สิ้นสุดฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออก คาดปีนี้ปิดจ๊อบส่งออกที่มีปริมาณ 80% ของทุเรียนทั้งหมด 585,864 ตัน

วันที่ 28 มิถุนายน 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ผ่านมาภาคการเกษตรไทยต้องเผชิญกับปัญหาด้านการบริหารจัดการผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่ คุณภาพผลผลิตดี รสชาติเป็นเอกลักษณ์ และต่างประเทศให้การยอมรับ

ทั้งนี้ การบริหารจัดการผลไม้ในฤดูกาลให้เกิดประสิทธิภาพไม่เกิดภาวะราคาตกต่ำหรือมีการแทรกแซงราคา บิดเบือนกลไกตลาดจึงถือเป็นภารกิจที่ท้าทายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการยกระดับมาตรฐานต่าง ๆ ให้สูงขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ GAP Plus, GMP Plus และ Zero COVID เพื่อควบคุมและเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด – 19 ในระดับสวนเกษตรกร ช่วยลดเชื้อโรคและการปนเปื้อนในผลผลิต ด้านโรงคัดบรรจุมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในโรงคัดบรรจุ (COVID Free Setting) และมาตรฐานความปลอดภัยจากเชื้อโควิด – 19 ในผลไม้

สามารถช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้สูงกว่าต้นทุนการผลิต และมีเสถียรภาพด้านราคาตลอดฤดูกาล​จาก “นโยบาย 5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)

นำมาสู่การปฏิรูปการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับผลไม้ในการพัฒนาและการบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งสร้างเกณฑ์มาตรฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับผู้บริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้าโลก และสร้างความมั่นคงในอาชีพการปลูกและการผลิตไม้ผล โดยอาศัยความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย คือ

1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้เป้าการผลิตให้ชัดเจน โดยจัดทำข้อมูลประมาณการผลผลิต (Supply) สำรวจและจัดเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่อย่างละเอียด เช่น สภาพพื้นที่ ชนิดไม้ผล พันธุ์ ปริมาณ เกรด คุณภาพ ช่วงระยะเวลาการออกสู่ตลาด การกระจายตัวของผลผลิต

2.กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมโยงและหาตลาดรองรับผลผลิต โดยจัดทำข้อมูลความต้องการทางการตลาด (Demand) สำรวจและจัดทำข้อมูลความต้องการผลผลิตไม้ผลแต่ละชนิด ทั้งชนิดพันธุ์ ปริมาณ คุณภาพ ช่วงระยะเวลาความต้องการของผู้ประกอบการ (ผู้รวบรวม ผู้ส่งออก สหกรณ์ โรงงานแปรรูป และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ทั้งผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้)

3.คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ปรับสมดุลข้อมูลของอุปทาน (Demand) และอุปสงค์ (Supply) ตามแนวทางของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ โดยเชื่อมโยงข้อมูลประมาณการผลผลิต (Supply) ให้สอดคล้องกับความต้องการทางการตลาด (Demand) ของผลไม้แต่ละชนิด โดยมุ่งเน้นให้ผลลัพธ์สุทธิ เกิดความสมดุลและ/หรือเสมอภาคระหว่างข้อมูลประมาณการผลผลิตกับข้อมูลความต้องการทางการตลาด

สำหรับในปีนี้ประเทศไทยสามารถส่งออกทุเรียนได้ถึง 550,848.50 ตัน (ข้อมูล ณ 24 มิถุนายน 2565) ประกอบกับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนภาคตะวันออกสามารถผลิตทุเรียนได้ถึง 732,330 ตัน และขณะนี้ใกล้สิ้นสุดฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออกแล้ว ซึ่งหากวิเคราะห์มูลค่าการส่งออกทุเรียนภาคตะวันออกโดยการคำนวณตัวเลขคร่าว ๆ ของทุเรียนส่งออกที่มีปริมาณ 80% ของทุเรียนทั้งหมด ทำให้คาดการณ์ได้ว่าปีนี้จะสามารถส่งออกทุเรียนได้ถึง 585,864 ตัน

“การบริหารจัดการผลไม้ โดยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ตั้งแต่ปี 2562 ได้ดำเนินการมาถึงยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงให้แตกต่างจากสินค้าเกษตรชนิดอื่น ใช้วิธีการแก้ไขที่ต้นเหตุ ด้วยการบริหารจัดการให้จบและเบ็ดเสร็จในแหล่งผลิตนั้น ๆ ก่อน เห็นได้จากแนวโน้มการเติบโตของราคาผลผลิตที่เกษตรกรสามารถขายได้ ตั้งแต่ปี 2562 – ปัจจุบัน”

“ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น ซึ่งก้าวต่อไปของ Fruit Board คือการรักษาความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการผลไม้ โดยใช้แผนระยะยาว เพื่อพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ของประเทศไทย ตามแนวทางพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570 เป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาผลไม้ไทยที่ครอบคลุมทั้ง Supply Chain และ Value Chain”

“รวมถึงแผนระยะสั้น (ประจำฤดูกาล) โดยมีการบูรณาการกับคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ในการปรับสมดุลข้อมูลของอุปทาน (Demand) และอุปสงค์ (Supply) ผลไม้” นายอลงกรณ์ กล่าว

​ด้านนายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะเลขานุการ Fruit Board ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้แบบเบ็ดเสร็จ โดยมีคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักในการกลั่นกรอง เชื่อมโยง บูรณาการ แผนงาน/โครงการ ในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้

รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลไม้ตลอดฤดูกาลผลิต จากทุกหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องภายในจังหวัด เพื่อจัดทำเป็นแผนบริหารจัดการผลไม้ (แผนแม่บท) ประจำปีของจังหวัดนั้น ๆ ตลอดจนบริหารจัดการ กำกับดูแลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผน ซึ่งสอดคล้องตามแนวทางพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570

“สำหรับแนวโน้มการเติบโตของปริมาณผลผลิตไม้ผลตั้งแต่ปี 2560 – ปัจจุบัน พบว่า มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของพื้นที่เก็บเกี่ยว และปริมาณผลผลิตของไม้ผลหลายชนิด เช่น ทุเรียน มีพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มขึ้นในรอบ 5 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2560 – 2565 เฉลี่ยร้อยละ 15 และปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 7 เนื่องจากประเทศไทยมีสายพันธุ์ทุเรียนที่ดี”

“ตลอดจนมีการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรของเกษตรกรได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถบริหารจัดการสวนทุเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพดี รสชาติเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

​ทั้งนี้ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกไม้ผลประมาณ 7.3 ล้านไร่ ผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย และลิ้นจี่ โดยในปี 2564 มีปริมาณผลผลิตของทั้ง 6 ชนิด รวมกัน 3,447,014 ตัน มีอัตราการเติบโต ร้อยละ 7.9 ปริมาณการส่งออกรวมกัน 2,007,348 ตัน

อย่างไรก็ตาม ผลไม้เป็นสินค้าเกษตรที่มีความจำเพาะเจาะจง และมีความอ่อนไหวสูงมาก ให้ผลผลิตตามฤดูกาล และมักจะออกคราวละมาก ๆ (ออกกระจุกตัว) ในช่วงเวลาเดียวกัน มีอายุการเก็บรักษาสั้น ผลผลิตเน่าเสียง่าย เสี่ยงต่อภาวะราคาตกต่ำ ดังนั้นการบริหารจัดการผลไม้ของประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จ เกิดความยั่งยืนมีเสถียรภาพทางราคา จึงเป็นโจทย์ที่มีความท้าทายมากด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขข้างต้น