ทุนตำรวจเรียนนิติศาสตร์ ม.หอการค้าร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

หอการค้าไทย

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลงนามร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ หนุนข้าราชการตำรวจเรียนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรพิเศษป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) พร้อมให้ทุนการศึกษารูปแบบยกเว้นค่าเล่าเรียนบางส่วนให้

วันที่ 20 มีนาคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำ MOU ร่วมกัน โดยความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับกระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพลครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตรด้านนิติศาสตร์หรือในสาขาวิชาอื่น ๆ ที่จะได้พัฒนาร่วมกันให้ตรงกับความจำเป็น หรือความต้องการพัฒนาข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะเพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยความร่วมมือระหว่างกันนี้ ม.หอการค้าไทยจะสนับสนุนทุนการศึกษาด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียนส่วนใหญ่ให้กับข้าราชการตำรวจและผู้เรียนชำระเองอีกบางส่วนเท่านั้น และมีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่จัดเป็นห้องเรียนโครงการตำรวจเพื่อรองรับการปฏิบัติงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน

รวมถึงมีการจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการปฏิบัติงานที่สำคัญและอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน คือหลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) เพื่อสร้างให้ผู้อบรมเป็นอาจารย์ต้นแบบ โดยการอบรมจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายรุ่นแรกคือ ข้าราชการตำรวจ อาจารย์และนักวิชาการ และจะพัฒนากลุ่มเป้าหมายให้ขยายออกไปเพื่อขยายวงความรู้ไปยังประชาชนให้ทั่วถึงมากที่สุด

ด้าน รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ม.หอการค้าไทย เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ และได้มีการดำเนินงานโดยมีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคมและประเทศชาติตลอดมา

การได้ทำ MOU กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นการสนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับข้าราชการตำรวจเพิ่มมากขึ้น โดยมีโครงการจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ที่ปัจจุบันมีข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และหน่วยใกล้เคียงในพื้นที่มาศึกษาต่อที่ ม.หอการค้าไทย เป็นจำนวนมาก

รศ.ดร.ธนวรรธน์กล่าวต่อว่า ม.หอการค้าไทย ได้จัดการเรียนการสอนเป็นโครงการจัดการศึกษาสำหรับตำรวจโดยเฉพาะ มีการมอบทุนการศึกษา โดยวิธียกเว้นค่าเล่าเรียนส่วนใหญ่ให้กับตำรวจที่เรียน และที่เหลือชำระเองบางส่วนในรูปแบบการผ่อนชำระรายเดือนได้ ไม่เป็นภาระค่าครองชีพสำหรับข้าราชการตำรวจ ในแต่ละปีการศึกษา ได้มอบทุนการศึกษาดังกล่าว ปีการศึกษาละไม่ต่ำกว่า 500 ทุน-800 ทุนต่อปี

และการทำ MOU นี้สามารถขยายจำนวนทุนการศึกษาที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการพัฒนากำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และมหาวิทยาลัย ได้สนับสนุนแนวทางการพัฒนาการศึกษาให้ครอบคลุมบริบทของความเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจและด้านเศรษฐกิจ

โดยได้พัฒนาต่อยอดโครงการในการรองรับความต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท หรือระดับบัณฑิตศึกษา อาทิ ด้านนิติศาสตรมหาบัณฑิต หรือในสาขาการบริหาร สาขาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการเงิน สาขาการบัญชี หรือสาขาอื่น ๆ ตามความต้องการที่จะได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกัน

รวมทั้งการวิจัยและการพัฒนาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาเพิ่มพูนให้กับข้าราชการตำรวจ ขณะเดียวกันช่วยเสริมสร้างภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาคประชาชน ในการร่วมคิด ร่วมทำให้เกิดคุณค่าแก่สังคมและประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย

อธิการบดี ม.หอการค้าไทยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การทำ MOU ได้มีการพัฒนาความร่วมมือร่วมกันกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการฝึกอบรมในหลักสูตรด้านการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันวัคซีนไซเบอร์ โดยมีการเชิญ ข้าราชการตำรวจระดับสูง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาจัดการด้านการฝึกอบรมการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ให้กับคณาจารย์และพนักงาน

รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้มีความรู้และมีประสบการณ์ตรงต่อแนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ และสามารถมีทักษะเป็นภาคีเครือข่ายในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ จะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยทั่วไปด้วย


และความร่วมมือดังกล่าวจะขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในชาติ อาทิ ภาคธุรกิจ เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการต่าง ๆ ในภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างพลังทวีคูณและภาคีเครือข่าย ที่เข้มแข็งให้กับสังคมไทยต่อไป