อว. ประกาศ ภายใน 5 ปี มหาวิทยาลัยทั้งประเทศเป็น Green Campus

อว.For EV

อว.หนุนรัฐบาลขับเคลื่อนไทยเป็น EV HUB ใหญ่สุดในภูมิภาค ตั้งเป้าผลิตกำลังคน 1.5 แสนรายป้อนอุตสาหกรรม พร้อมประกาศขับเคลื่อน Go Green นำร่อง ม.พะเยา เปลี่ยนใช้รถ EV ทั้งหมด ก่อนเปลี่ยนสู่ Green Campus ทุกมหาวิทยาลัย ภายใน 5 ปี ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 5 แสนตัน

วันที่ 19 มีนาคม 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนนโยบาย อว. For EV ของ 23 หน่วยงานสังกัดกระทรวง อว. เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปเป็น EV HUB ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มหาวิทยาลัยพะเยา จ.พะเยา ระหว่างการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของกระทรวง อว. ภายใต้การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน)

นางสาวศุภมาสกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายจะเป็น Hub ของยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยบอร์ดอีวีแห่งชาติได้ตั้งเป้าหมายจะผลิตรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษอย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดของประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2573 หรือเรียกว่านโยบาย 30@30

ดังนั้น เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล อว. จึงได้มีนโยบาย “อว.For EV” ใน 3 เสาหลัก ได้แก่

  1. EV HRD หรือการผลิตกำลังคนให้เพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย 150,000 คนใน 5 ปี
  2. EV Transformation หรือการเปลี่ยนรถ ICE เป็นรถ EV ในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานของ อว. เป้าหมาย 30% ภายในปี 2030
  3. EV Innovation เพื่อยกระดับผู้ประกอบการด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ผ่านความร่วมมือจากทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน จำนวน 100 ราย โดยการจัดสรรทุนวิจัยจากกองทุน ววน. ประมาณ 3,000 ล้านบาทใน 5 ปี

“ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจและแสดงความพร้อมของหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนนโยบาย อว. For EV จึงได้มีพิธีลงนาม MOU ขึ้นโดยทุกหน่วยงาน ทุกองคาพยพของ อว.จะร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย อว. For EV โดยมหาวิทยาลัยพะเยาจะเป็นหน่วยงานแรกที่เปลี่ยนมาใช้รถบัส EV จำนวน 30 คัน คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละ 3,000 ตัน และทุกมหาวิทยาลัยจะร่วมกันเพื่อนำไปสู่การเป็น Green Campus ทั้งประเทศ หากมาตรการ EV Transformation บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย 5,000 คัน ภายในปี 2573 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงปีละ 500,000 ตัน”

จากนั้นนางสาวศุภมาสได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ อว.For EV ของมหาวิทยาลัยพะเยาที่เปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด พร้อมกับนำผู้บริหาร อว. และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดนั่งยานยนต์ไฟฟ้า

ศุภมาส

นางสาวศุภมาสกล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานของ อว.ที่ช่วยกันดูแลโลก ดูแลประเทศของเรา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Go Green ของ อว. เพื่อให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ สิ่งที่ อว.จะเร่งดำเนินการคือการพัฒนาทักษะกำลังคน เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับการ Upskill กำลังคนในอุตสาหกรรมรถยนต์ควบคู่ไปด้วยกำลังคนที่ต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย กำลังคนด้านการออกแบบ การผลิต การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการซ่อมบำรุง สถานีบรรจุและโครงสร้างพื้นฐาน คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีความต้องการกำลังคนอย่างน้อยปีละ 5,000 คน ซึ่ง อว. ได้วางแผนการผลิตกำลังคนเหล่านี้ให้เพียงพอแล้ว

“ที่สำคัญ หลังจากนี้ตนจะให้มีการดำเนินงานโครงการ อว. For AI ด้านการศึกษาและ อว.For PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและให้สอดคล้องกับ อว. For EV เพราะเรามีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์จากหลายหน่วยงานที่จะมาร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประเทศ โดยขณะนี้จิสด้าได้ร่วมกับนาซ่าทำการศึกษาคุณภาพอากาศในประเทศไทย เพื่อนำมาช่วยในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศแล้ว”

อว ev