Adecco เปิด ‘โพลวันเด็กปี 64’ อาชีพและสื่อที่มีอิทธิผลต่อเด็กไทย

กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยเผยผลสำรวจ Adecco Children Survey ประจำปี 2564 พบเด็กไทยเลือกหมอเป็นอาชีพในฝันอันดับ 1 พร้อมเสนอ 5 ไอเดียด้านการศึกษา

“กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย” เผยผลสำรวจ Adecco Children Survey ประจำปี 2564 ที่สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,024 คน จากทั่วประเทศ เกี่ยวกับอาชีพในฝัน สื่อและบุคคลที่มีอิทธิพล และการศึกษาแบบที่ต้องการ โดยสรุปผลสำรวจได้ดังนี้

YouTuber-ดารา-นักร้อง อาชีพมาแรงแห่งปี

ผลสำรวจอาชีพในฝันปีนี้พบว่า เด็กไทยอยากเป็นหมอมากที่สุด เพราะอยากรักษาคนและช่วยเหลือผู้อื่น อันดับ 2 คือ ครู ส่วนสำหรับอาชีพมาแรงในปีนี้ได้แก่ YouTuber และดารา นักร้อง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ

โดยเด็ก ๆ ให้เหตุผลว่า YouTuber เป็นอาชีพที่ได้มอบความบันเทิงและความสุขให้ผู้อื่น สำหรับดารา-นักร้อง นั้นเป็นอาชีพที่ไม่เคยติด Top 5 มาก่อน คาดว่าเป็นเพราะปัจจุบันมีการทำคลิปคอนเทนต์โปรโมท ดารา นักร้อง อยู่ใน YouTube มากขึ้นซึ่งเป็นสื่อหลักที่เด็กเปิดรับมากที่สุด จึงทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ส่วนอันดับที่ 5 ได้แก่ ตำรวจ

YouTube ครองแชมป์สื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็ก

จากการสำรวจ Adecco Children Survey พบว่า เมื่อเด็กไทยต้องหาความรู้นอกตำรามักจะค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต ผ่านการเสิร์ช Google และดู YouTube และในเวลาว่างก็จะใช้เทคโนโลยีในการเล่นเกม ดูวิดีโอบน YouTube และเล่นโซเชียลมีเดีย

สื่อโซเชียลที่เข้าถึงเด็กไทยอายุ 7-14 ปีมากที่สุด ได้แก่ YouTube 94%, Facebook 80%, Line 74%, TikTok 73%, Instagram 50% และ Twitter 26%

ส่วน YouTube เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ซ้อนปีซ้อน ขณะที่ TikTok เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มมาแรงที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ โดยได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อถามถึงการเรียนออนไลน์ช่วงโควิด-19 ระบาดพบว่า เด็กไทย 96% ได้เรียนออนไลน์ ขณะที่อีก 4% ไม่ได้เรียนออนไลน์เพราะขาดอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต โดย 52% ระบุว่าพวกเขาชอบเรียนออนไลน์เพราะไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องตื่นเช้า สามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้ เวลาไม่เข้าใจตรงไหนก็วนกลับมาดูซ้ำได้ และยังช่วยให้ปลอดภัยจากโรคระบาด

ขณะที่อีก 46% ระบุว่าไม่ชอบเรียนออนไลน์เพราะรู้สึกว่าเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจก็ไม่สามารถถามได้ ไม่มีกิจกรรม ไม่ได้เจอเพื่อน จึงทำให้รู้สึกเบื่อ และบางคนยังประสบปัญหาจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียรอีกด้วย

K-POP และ YouTuber เป็นไอดอลเด็กไทย

สำหรับผลโหวตไอดอลในดวงใจของเด็กไทยปีนี้พบว่า BLACKPINK ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด ด้วยเหตุผลว่า BLACKPINK มีความสามารถที่โดดเด่นทั้งด้านการร้องและการเต้น รวมถึงหน้าตาสวยน่ารัก โดยสมาชิกที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในวงคือ ลิซ่า หรือ ลลิษา มโนบาล สมาชิกในวงที่เป็นคนไทยเพียงหนึ่งเดียว

ส่วนอันดับที่ 2 ได้แก่ เก๋ไก๋ สไลเดอร์ YouTuber ที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดในประเทศไทยและเป็นแชมป์เก่าในปีที่แล้ว อันดับที่ 3 ได้แก่ BTS วงบอยแบนด์เกาหลีที่เพิ่งพาเพลงครองแชมป์ Billboard ได้สำเร็จ โดยเด็ก ๆ ระบุว่าวง BTS เป็นแรงบันดาลใจทำให้มีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น อันดับที่ 4 ได้แก่ แป้ง ZbingZ นักแคสเกมและ YouTuber ชื่อดังที่ติดโพลล์มา 4 ปีซ้อน และอันดับ 5 ได้แก่ เนม MNJTV นักแคสเกม Free Fire ที่มาแรงติดโพลล์เป็นครั้งแรก

ปรับหลักสูตร – ลดเวลาเรียน – ครูสอนสนุก

เด็กส่วนใหญ่มองว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการในด้านการเรียนคือ การปรับปรุงหลักสูตรให้มีความทันสมัย และเท่าทันกับบริบทของสังคมและโลกที่เปลี่ยนไป พัฒนาหลักสูตรให้มีความหลากหลายเหมาะกับความชอบและความถนัดของเด็กแต่ละคน และเปลี่ยนมาเรียนผ่านกิจกรรม หรือการทัศนศึกษาให้มากขึ้น แทนที่จะเรียนแต่ในห้องเรียนอย่างเดียว

นอกจากนี้เด็กไทยยังหวังที่จะเรียนอย่างมีความสุข โดยเสนอให้ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเล่น เสริมด้วยกิจกรรมต่าง ๆ พัฒนาคุณภาพครูให้สอนเก่งและสนุกขึ้น โดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้การเรียนการสอน เช่น การใช้เกม (gamification) หรือการใช้อุปกรณ์แสดงภาพเสมือนจริง (AR/VR) อีกทั้งยังอยากให้ครูมีความใส่ใจ เข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของเด็กแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย จิตใจ หรือพัฒนาการในการเรียนที่ช้าเร็วไม่เท่ากัน

แนวทางพัฒนาเด็กไทยให้ต่อยอดไปได้ไกล

“ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจ Adecco Children Survey ในปีนี้พบว่า เด็กไทยนั้นมีความคิดเป็นของตัวเองและมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นลักษณะพื้นฐานที่ดีของเด็ก Gen Z หากพัฒนาให้ดีจะสามารถต่อยอดไปได้ไกล

Adecco มองว่าการจะปั้นเด็กให้เป็นคนเก่ง (talent) เพื่อเป็นคนที่บริษัทต่าง ๆ ต้องการในอนาคต จะต้องประกอบด้วยค่านิยม 5 ด้าน คือ

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย

1) มีแรงผลักดัน (passion) ในการทำงาน – ระบบการศึกษาควรเอื้อให้เด็กสามารถค้นเจอความสามารถและความถนัดของตนเอง

2) ความรับผิดชอบ – ปลูกฝังให้เด็กรู้จักความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทั้งของตนเองและสังคม

3) แนวคิดแบบผู้ประกอบการ (entrepreneurial mindset) – เด็กรุ่นใหม่ควรมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ปัญหา และคิดค้นวิธีการเพื่อสร้างนวัตกรรม มีความรู้ความเข้าใจเชิงธุรกิจ รวมทั้งมีความกล้าเผชิญหน้าและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจะเกิดขึ้น

4) team spirit – ส่งเสริมให้เด็กสามารถเล่น ทำกิจกรรม และทำโปรเจคต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อเป็นพื้นฐานให้พวกเขาสามารถทำงานกับผู้อื่นได้ในอนาคต

5) ความเห็นอกเห็นใจ (empathy) – รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทักษะนี้เป็นทักษะที่ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence – AI) ยังไม่สามารถเลียนแบบได้ และจะเป็นทักษะที่มีความต้องการมากในอนาคต เพราะเป็นทักษะจำเป็นในการออกแบบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และการทำงานร่วมกับผู้อื่น

“แต่ก่อนการศึกษาไทยเน้นผลิตเด็กแบบป้อนความรู้และผลิตคนสู่การเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคดิจิทัลที่พลเมืองทั้งโลกมีความเชื่อมต่อกัน ขณะที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้น ถ้าพูดถึงการศึกษาวันนี้เราต้องมองให้ไกลกว่าเดิม เด็กไทยวันนี้ต้องมีทักษะแบบที่โลกต้องการจึงจะสามารถอยู่รอดในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง ทักษะทางด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีน ทักษะดิจิทัล รวมถึงทักษะทางสังคมต่าง ๆ ต้องเน้นให้เด็กฝึกคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ไม่ใช่เรียนแบบท่องจำอีกต่อไป และต้องปลูกฝังเด็กไทยให้มีความใฝ่รู้ สามารถค้นคว้าและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง”