ตอบโจทย์เด็กยุคใหม่ “บรอมส์โกรฟ” เข้มวิชาการ-ทักษะ-

โลกยุคใหม่ มีความซับซ้อนทางด้านสังคม และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเร็วยิ่งกว่าแสง พ่อ-แม่จึงคาดหวังเรื่องการสร้างสมประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กให้แก่ลูก ๆ เพื่อให้มีระบบความคิดที่กว้างไกล มีความรู้ด้านภาษาเป็นต้นทุน พร้อมเติบโตได้ทุกสภาวการณ์ของโลก จึงมีไม่น้อยที่หันมาลงทุนด้านการศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์

“ดร.แดเนียล คริสโตเฟอร์ มัวร์” อาจารย์ใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ประเทศไทย (BIST) กล่าวว่า ช่วงปีที่ผ่านมา โรงเรียนนานาชาติเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟมีการเติบโต 30% ในปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหนุนมาจาก 2 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มนักเรียนไทยที่ย้ายมาจากโรงเรียนสองภาษา โดยผู้ปกครองมองว่า เมื่อเปรียบเทียบในแง่อัตราค่าเล่าเรียนที่ไม่ต่างกันมาก แต่โรงเรียนนานาชาติสามารถปลูกฝังระบบ วิธีคิดให้มีความเป็นสากล (International Mind) เพราะผู้เรียนมีโอกาสได้ใช้ทักษะด้านภาษา และอิงหลักสูตรจากต่างประเทศอย่างแท้จริง จึงเป็นข้อได้เปรียบทางด้านการศึกษา และต่อยอด

2.กลุ่มนักเรียนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนจากประเทศจีน ซึ่งเติบโตถึง 45% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลพวงจากความต้องการที่ล้นทะลักภายในประเทศ จนต้องขยายมาสู่ต่างประเทศ บวกกับข้อจำกัดด้านกฎหมายที่กำหนดให้นักเรียนที่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติได้นั้น ผู้ปกครองต้องถือสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่จีนอย่างน้อยหนึ่งคน แต่หากพ่อ-แม่ถือสัญชาติจีนทั้งคู่จะไม่สามารถเข้าเรียนยังโรงเรียนนานาชาติได้

หรือหากจะไปเรียนยังโรงเรียนนานาชาติในฮ่องกงค่าเล่าเรียนก็สูงมาก เมื่อเทียบกับค่าเล่าเรียนในประเทศไทย ซึ่งที่บรอมส์โกรฟมีค่าเล่าเรียนถูกกว่าโรงเรียนนานาชาติในฮ่องกงถึง 3 เท่า เปรียบเทียบผ่านอัตราค่าเล่าเรียนของนักเรียนในระดับสูง โดยค่าเล่าเรียนของนักเรียนเกรด 12 ของบรอมส์โกรฟอยู่ที่ 5.8 แสนบาท/ปี ขณะที่ค่าเล่าเรียนของแฮร์โรว์ ฮ่องกงอยู่ที่ 1.6 ล้านบาท/ปี ทั้งที่ทั้งสองแบรนด์ต่างเป็นโรงเรียนนานาชาติมาตรฐานประเทศอังกฤษเหมือนกัน จึงทำให้บรอมส์โกรฟได้รับความสนใจจากผู้ปกครองจากประเทศจีนเป็นอย่างสูงในปีที่ผ่านมา

“ซึ่งโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ โฟกัสไปที่ตลาดในประเทศมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นความต้องการในตลาดจีนจึงหันมาให้ความสนใจตลาดภูมิภาคเอเชียมากขึ้นโดยมีการเตรียมการในด้านต่าง ๆ รองรับ ได้แก่ มีโปรแกรม Chinese Student Support Program ซึ่งเป็นโปรแกรมเพื่อช่วยเหลือนักเรียนจีนให้สามารถปรับตัวทั้งด้านการเรียน และความเป็นอยู่ รวมถึงเป็นผู้ประสานงานในการรายงานความเป็นอยู่ของนักเรียนแก่ผู้ปกครอง ซึ่งระบบดังกล่าวจะเป็นเหมือนพี่เลี้ยงให้แก่เด็ก ทำให้ผู้ปกครองไว้วางใจในยามที่ต้องอยู่ห่างไกลลูกหลาน

รวมถึงจุดแข็งของ “บรอมส์โกรฟ” ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติเพียงไม่กี่แห่งที่มีระบบหอพัก หรือ Boarding Schoolไว้รองรับนักเรียน พร้อมมีระบบการดูแลมาตรฐานหอพักในระดับนานาชาติ หรือThe Boarding Schools” Association(BSA) ทำให้มั่นใจได้มากยิ่งขึ้น

หากเปรียบเทียบกับโรงเรียนนานาชาติในไทย บรอมส์โกรฟอยู่ในระดับกลาง ค่าเล่าเรียนอยู่ที่ 96,690-208,830 บาท/เทอม ส่วนนักเรียนที่อยู่หอพักประจำแบบจันทร์ถึงศุกร์ (Weekly Boarding) รวมอาหาร หอพักและบริการอื่น ๆ 88,580 บาท/เทอม และค่าหอพักอยู่ประจำแบบตลอดภาคการศึกษา (Full Boarding) 121,500 บาท/เทอม โดยมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 450 คน แยกเป็นนักเรียนไทย 60% ลูกครึ่ง 20% และต่างชาติ 20%

“ดร.มัวร์” กล่าวว่า ในส่วนของเทรนด์ทางด้านการศึกษา มองในมุมผู้ปกครองยังคงคาดหวังกับด้านภาษา แต่จะเพิ่มในส่วนของระบบวิธีคิดที่เป็นสากลเพิ่มมากขึ้น (International Mind) ขณะที่ผู้สอนมองว่า ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีอาชีพใหม่เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นโรงเรียนจึงมุ่งเป้าเสริมทักษะอื่น ๆ โดยไม่ได้จำกัดแค่ในด้านวิชาการ เพื่อให้นักเรียนได้ประกอบอาชีพที่ถนัด และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองทำ

“เรามีโปรแกรม Diploma รองรับนักเรียนที่มีความถนัดด้านการโรงแรม การท่องเที่ยว ศิลปะ กีฬา ดนตรี และการแสดง ส่วนนักเรียนที่ถนัดทางด้านวิชาการจะมีโปรแกรม A Level หรือเลือกผสานระหว่างสองโปรแกรมก็ได้ ทำให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามความต้องการได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้จำนวนนักเรียนในระดับ Year 12,13 เติบโตขึ้นถึง 129.6% รวมถึงการสนับสนุนของโรงเรียนผ่านการมอบทุนด้านต่าง ๆ อาทิ ทุนด้านวิชาการ ทุนกอล์ฟ ทุนด้านการแสดง (Dramatic) และทุนด้านดนตรี (Music) รวม 20 ทุน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านบุคลิกภาพ”

ธุรกิจการศึกษานั้นแตกต่างกับธุรกิจอื่น คือ ไม่สามารถมุ่งแสวงหากำไรในช่วงที่ธุรกิจเติบโตได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องรักษาคุณภาพ และมาตรฐานควบคู่กันด้วย สิ่งที่ทางโรงเรียนให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากคือ การเสริมทักษะที่ตรงกับความต้องการของเด็ก และของตลาดโลก ขณะเดียวกันการสร้างอุปนิสัยที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก โดยในปีนี้โรงเรียนมีนโยบายในด้าน มารยาท(Manners) เพื่อสร้างภาพจำใหม่แก่นักเรียนโรงเรียนอินเตอร์ และสร้างคุณลักษณะที่มากกว่าการเป็นคนเก่ง เพราะเด็กเก่งนั้นมีอยู่ทั่วโลก

แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลก หรือ สังคมต้องการคือ ผู้ที่มีภาวะผู้นำ มีจิตสาธารณะ มีจิตอาสา มีความสนใจด้านอื่น ๆ รวมถึงมีความประพฤติที่ดีบรอมส์โกรฟจึงมุ่งให้ผู้เรียนที่จบออกไปมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์ที่สุด