ย้อนภาพโศกนาฏกรรม “แก๊สระเบิด” ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านมา 27 ปี ยังสะเทือนขวัญ

 

27 ปี ผ่านมาแล้วสำหรับเหตุการณ์อุบัติภัยทางถนนครั้งร้ายแรงเป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ไทย เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในปี 2533 กับเหตุการณ์ “รถบรรทุกก๊าซระเบิด” บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งแปลงสภาพจากถนนที่มีการจราจรติดขัดกลางกรุงให้กลายเป็นทะเลเพลิงไปชั่วพริบตา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 กันยายาน พ.ศ.2533 เมื่อเวลาประมาณ 21.30น. ขณะที่รถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่ รถสามล้อเครื่องจำนวนมาก กำลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่บริเวณใต้ทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

ปรากฏว่าได้มีรถบรรทุกก๊าซ ซึ่งบรรทุกก๊าซ 2 ถังคู่ แล่นลงมาจากทางด่วนด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังว่าจะไม่ให้ติดสัญญาณไฟแดงเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นเหตุให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ ครูดไปตามพื้นถนน พุ่งเข้าชนตึกแถวเยื้องกับทางลงทางด่วน ซึ่งเป็นหอพักสตรีหญิง แรงกระแทกทำให้ถังก๊าซขนาดใหญ่ 2 ถัง หลุดจากตัวรถลงมากองกับพื้นถนน มีก๊าซรั่วซึมเป็นควันขาวเต็มท้องถนน

ไม่นานจากนั้นแก๊สที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณได้เกิดประกายไฟลุกวาบขึ้น และกลายเป็นดวงไฟขนาดมหึมา พุ่งลามไปตามท้องถนนและอาคารบ้านเรือนแถบนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วเวลาไม่กี่วินาที บริเวณดังกล่าวกลายเป็นทะเลเพลิง ความสูงของดวงไฟนั้นสูงเท่าตึก 3 ชั้น ป้ายโฆษณา สัญญาณไฟจราจร ตึกแถว อาคารพาณิชย์ หอพักสตรี วายวอดด้วยเปลวไฟขนาดใหญ่

ส่วนรถยนต์ที่จอดอยู่ก็จมอยู่ในทะเลเพลิง มีเสียงระเบิดดังขึ้นถี่ยิบ ท่ามกล่างเสียงร้องโหยหวน ของผู้ประสบภัยทั้งที่อยู่บนรถยนต์ ในบ้าน อาคารที่พัก และที่วิ่งหนีตายออกมานอกถนน บ้านเรือนกว่า 30 คูหา ถูกไฟเผาใหม่อย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในรถ ต่างพยายามสตาร์ทรถหนี้แต่ไม่เป็นผล เพราะเปลวไฟพุ่งเข้าหาอย่ารวดเร็ว เนื่องจากแก๊สได้ระเหยเข้าไปในช่องแอร์ของตัวรถ เมื่อเปิดประตูลุกวิ่งหนี ไฟได้ลุกท่วมตัว ล้มลงนอนครวญคราง และเสียชีวิตอย่างอเนจอนาถ สุดที่ใครจะช่วยเหลือได้ทัน

อย่างไรก็ตาม สาเหตุของโศกนาฏกรรมดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นจากคนขับรถจงใ

จขับฝ่าไฟแดง จนเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำอย่างเดียว ตามคำพิพากษาของศาล ที่ ๓๔๔๖/๒๕๓๗ ได้ระบุไว้ว่า

“รถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุของจำเลยที่ ๑ มิได้รับใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบ และทดสอบจากกรมโยธาธิการ ถังบรรจุก๊าซสองใบที่ติดตั้งบนรถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุเป็นถังที่ใช้สำหรับติดตั้งบนพื้นดิน ไม่อาจนำมาติดตั้งบนรถยนต์ได้ และมิได้ติดตั้งตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศกรมโยธาธิการ อีกทั้งมิได้ติดตั้งลิ้นควบคุมการไหลไว้ที่ถังบรรจุก๊าซทั้งสองใบ”

ทั้งนี้ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 ว่า

“…เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 เวลาประมาณ 22 นาฬิกา นายสุทัน ฝักแคเล็ก ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุลงจากทางด่วน มาที่ถนนเพชรบุรีด้วยความเร็วเพื่อเร่งให้พ้นสัญญาไฟจราจร ที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสัญญาไฟแดง

นายสุทันเลี้ยวรถไปทางด้านขวามุ่งหน้าจะไปสี่แยกมักกะสัน แต่รถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุพลิกตะแคงครูดไปกับพื้นถนนจนถึงหน้าอาคารหอพักริมถนนเพชรบุรี ถังบรรจุก๊าซสองถังหลุดออกจากตัวรถ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ที่บรรทุกมารั่วแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง แล้วระเบิดเกิดเพลิงลุกไหม้

นายสุทันถึงแก่ความตายในรถ เพลิงลุกลามไหม้บ้านเรือนในชุมชนแออัด ซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนนเพชรบุรีเสียหาย ไหม้ตึกแถวด้านซ้ายและขวาของถนนเพชรบุรีจำนวน 51 ห้อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ในถนนเพชรบุรีตั้งแต่แยกทางด่วนถึงแยกถนนวิทยุ เสียหายประมาณ 67 คัน และจากเพลิงไหม้ดังกล่าวเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตาย 88 ศพ ได้รับอันตรายสาหัส 24 คน ได้รับอันตรายแก่กาย 12 คน ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 214,926,282 บาท..”

จากที่เต็มไปด้วยร้านรวง หอพัก แล้วเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นก็เปลี่ยนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ไปตลอดกาล

คลิปจาก Youtube : Tanakrit Intasaro / รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์