นักลงทุน 154 รายทั่วโลกร่วมงาน Thailand Focus 2022 ฝ่าปัญหาการเมือง

ภากร ปีตธวัชชัย
ภากร ปีตธวัชชัย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยนักลงทุน 154 รายทั่วโลก ตบเท้าร่วมงาน Thailand Focus 2022 กองทุนสถาบันชั้นนำกว่า 71 องค์กรโลกแห่ร่วมงาน ด้าน “ภากร” ชี้นักลงทุนต่างชาติไร้กังวลปัญหาการเมือง มั่นใจภาคเรียลเซ็กเตอร์โตดีต่อเนื่อง เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยมี Upside Gain ถ้ากลับมาเปิดประเทศจากการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้จะมีจรวดยิงส่งให้ GDP โตขึ้นได้รวดเร็วมากขึ้น

วันที่ 24 สิงหาคม 2565 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในงานสัมมนา “Thailand Focus 2022 : The new Hope” ว่า งาน Thailand Focus 2022 วันนี้มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมกว่า 154 นักลงทุนจากทั่วโลก

แยกเป็นนักลงทุนต่างชาติ 55 ราย และนักลงทุนในประเทศ 99 ราย เข้าฟังทั้งแบบปกติและออนไลน์ ซึ่งการจัดงานในรูปแบบนี้จะช่วยให้เข้าถึงนักลงทุนได้ทั่วโลกมากขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นนักลงทุนทั้งหมดกว่า 154 รายจากทั่วโลก มาจากทั้งหมด 71 องค์กร แยกเป็น 38 องค์กรจากต่างประเทศ และ 33 องค์กรในประเทศ (นักลงทุนสถาบันการเงิน)

โดยบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่เข้าร่วมมีทั้งหมด 124 บริษัท น่าสนใจมากคือบริษัทที่อยู่ในอันดับ SET50 เข้าร่วมกว่า 47 บริษัท และบริษัทที่อยู่ในอันดับ SET51-100 เข้าร่วมกว่า 39 บริษัท ซึ่งตอนนี้ที่น่าสนใจคือบริษัทที่อยู่ในอันดับ Non-SET100 มีถึง 33 บริษัท

และมีบริษัท mai เข้าร่วมอีกจำนวน 5 บริษัท แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับบริษัทที่เล็กลงมาต่อเนื่อง และเป็นบริษัทใหม่ ๆ ซึ่งสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯพยายามเสนอธีมปีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทที่อยู่ใน New S-curve ใหม่ ๆ และบริษัทที่มีการพัฒนาวิถีชีวิตใหม่และบริษัทสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี

โดยนักลงทุนจากทั่วโลกไม่ได้มองธุรกิจไทยเป็นธุรกิจแบบเก่า (Old business) แต่มองว่าวันนี้ธุรกิจไทยเป็น old business ที่มีการปรับตัว อย่างธุรกิจดั้งเดิม (Traditional) เช่น ธุรกิจอาหาร, การท่องเที่ยว และภาคธุรกิจที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ก็มีการปรับตัวใช้เทคโนโลยีและขยายขอบเขตการทำธุรกิจมากขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นหลายธุรกิจเป็นจุดแข็งของประเทศและในภูมิภาคอีกด้วย

นายภากรกล่าวต่อว่า ตอนนี้การพัฒนาเศรษฐกิจและเรียลเซ็กเตอร์ของประเทศไทยมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การเมืองในประเทศรูปแบบไหนในช่วงระยะเวลากว่า 20-30 ปี โดยบริษัทจดทะเบียนไทยมีการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ และโตขึ้นมาเป็น regional company และ global company ซึ่งนักลงทุนไม่ได้กัวลต่อปัญหาทางการเมืองในประเทศแต่อย่างใด

สำหรับการคาดการณ์การเติบโต GDP ไทยช่วงครึ่งปีหลังจะโต 3.5% ในปี 2565 ตามที่ รมว.คลังกล่าวถึงนั้น ถ้ามาประเมินตอนนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่แค่ 4 แสนราย จากเดิมมีถึง 40 ล้านราย แต่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ขนาดนี้จึงมองว่าภาพเศรษฐกิจไทยตอนนี้มีแต่ Upside Gain ว่าถ้าเมื่อไรที่เศรษฐกิจกลับมาเปิดจากการที่ไทยแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจะมีจรวดที่ยิงส่งให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ส่วนกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท และยิ่งไปกว่านั้นภายใน 1 เดือน มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาสูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย


“ซึ่งเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามานั้นยังไม่มีภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ดังนั้นถ้าเราแก้ปัญหาโควิดได้ และเปิดประเทศมากขึ้น เราน่าจะได้ผลบวกและเป็น Upside Gain” นายภากรกล่าว