วีซ่าเปิดตัวโซลูชั่น “ชำระเงินรักษ์โลก” ในเอเชีย-แปซิฟิก

วีซ่า

วีซ่าประกาศเปิดตัว “Visa Eco Benefits” โซลูชั่นทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในเอเชีย-แปซิฟิก ชี้จะช่วยให้ผู้ถือบัตรวีซ่าเข้าใจถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศเปิดตัว Visa Eco Benefits โซลูชั่นทางการเงินเพื่อความยั่งยืนของวีซ่าในเอเชีย-แปซิฟิก ที่จะช่วยให้ผู้ถือบัตรวีซ่าเข้าใจถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น

โดยผู้ใช้สามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่า และเลือกกิจกรรมการชดเชยคาร์บอน (carbon offsetting) หรือเลือกบริจาคเพื่อการกุศล ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นของธนาคารที่ใช้บริการได้

สถาบันทางการเงินในเอเชีย-แปซิฟิกที่เข้าร่วมโปรแกรม Eco Benefits ของวีซ่าจะสามารถนำเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับผู้ถือบัตร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการให้มีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น

โดยจากการศึกษาล่าสุดของวีซ่าและ YouGov พบว่า 66% ของผู้บริโภคในเอเชีย-แปซิฟิกคาดหวังให้ธนาคารที่พวกเขาใช้บริการนำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการศึกษาในครั้งนี้พบว่าเกินครึ่ง (52%) ของผู้บริโภค จะเปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารอื่นเพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยให้พวกเขาทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดจากการใช้จ่ายของพวกเขา

นายคริส คลาร์ก ประธานบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก วีซ่า กล่าวว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิก (78%) บอกว่าพวกเขาสนใจที่จะใช้จ่ายในแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย หากได้ตระหนักถึงคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดขึ้น พันธมิตรของเราทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารและฟินเทค สามารถเพิ่มฟีเจอร์เพื่อความยั่งยืนเหล่านี้ได้ในบัตรวีซ่าที่มีอยู่ขณะนี้

“โซลูชั่น Eco Benefits เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวีซ่าเป็นมากกว่าเครือข่ายการชำระเงิน และยังสามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคให้กับพันธมิตรของเรา”
สำหรับโซลูชั่นของ Visa Eco Benefits มีอาทิ :

• เครื่องคำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์ : ระบบประมวลผลโดย Verrency เพื่อให้ผู้ถือบัตรทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดจากการใช้จ่าย

• กิจกรรมการชดเชยคาร์บอน : ผู้ถือบัตรสามารถเลือกกิจกรรมการชดเชยปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์จากโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างการปลูกป่า และการใช้พลังงานสะอาด

• การบริจาคเงินเพื่อการกุศล : ผู้ถือบัตรสามารถเลือกบริจาคเงินให้องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่า

• วัสดุผลิตบัตร “สีเขียว”: บัตรชำระเงินที่ทำจากวัสดุที่ยั่งยืน

• การให้ความรู้แก่ผู้ถือบัตร : ผู้ถือบัตรสามารถเข้าถึงเกร็ดความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายเยอโรน ฟาน ซอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ Verrancy กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคในครัวเรือนสำหรับการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ถือเป็นหนึ่งในตัวการใหญ่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก

“นี่คือโอกาสที่เราในฐานะผู้บริโภคจะได้เริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการชดเชยคาร์บอนฟุตพรินต์ที่เกิดในชีวิตประจำวัน และเริ่มต้นใช้ชีวิตที่คาร์บอนเป็นศูนย์ ที่ผ่านมาลูกค้าไม่มีเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงกิจกรรมในการชดเชยคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างจริงจัง แต่ดัชนีการจัดการด้านคาร์บอน (Carbon Action Index) ของ Verrancy จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม ช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้เพียงแค่ใช้บัตรของวีซ่า”


ทั้งนี้ Visa Eco Benefits เป็นการต่อยอดปณิธานของวีซ่าทั่วโลกที่ต้องการเป็นองค์กรที่ช่วยในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลก (Climate Positive) ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ ข้อมูล เครือข่าย และแบรนด์วีซ่า เพื่อผลักดันให้เกิดการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เมื่อปี 2564 วีซ่าได้ประกาศคำมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Climate Agreement) ถึง 10 ปี