อาคม ประชุมเวิลด์แบงก์-ไอเอ็มเอฟ ถกเพิ่มแหล่งทุนลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

อาคม ประชุมเวิลด์แบงก์-ไอเอ็มเอฟ

คลังเผย “อาคม” ร่วมประชุมกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ รับฟังรายงานการพัฒนาเศรษฐกิจโลก-ภูมิภาค พร้อมหารือเพิ่มแหล่งทุนลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

วันที่ 14 ตุลาคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Voting Group : SEAVG) ของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลก 11 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม

ทั้งนี้ ประกอบด้วย ฟิจิ บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย เนปาล สิงคโปร์ ตองกา เวียดนาม และไทย และมีผู้ว่าการธนาคารกลางในฐานะผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้าร่วม 13 ประเทศ ประกอบด้วย สมาชิก 11 ประเทศข้างต้น ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา

โดยที่ประชุมได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ผลการดำเนินงานและนโยบายที่สำคัญของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้คำแนะนำเชิงนโยบายและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านอาหารและพลังงาน ปัญหาเยาวชนที่ต้องออกจากระบบการศึกษา และปัญหาด้านหนี้สาธารณะ รวมถึงสนับสนุนการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวขอบคุณธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ สำหรับการสนับสนุนการพัฒนาของไทยและสมาชิก SEAVG อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะมีโครงการความช่วยเหลือจากธนาคารโลกมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น รวมถึงขอให้ธนาคารโลกช่วยสนับสนุนประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม SEAVG ในการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกัน การเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต”

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มแหล่งเงินทุนสำหรับการแก้ไขปัญหาและรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการใช้นโยบายการเงินการคลังเพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ภาคเอกชนให้ลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ยกตัวอย่างนโยบายของประเทศไทย ได้แก่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ควบคู่ไปกับการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ซึ่งเป็นกลไกการระดมทุนจากภาคเอกชนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่กันไป

ทั้งนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีการหารือโต๊ะกลมกับ ASIA HOUSE โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทข้ามชาติ อาทิ HSBC Prudential Arup Google Crown Agents AIG เป็นต้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย และแนวนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ตลอดจนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล


“ผู้บริหารบริษัทข้ามชาติที่ร่วมงานในครั้งนี้ได้แสดงความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเห็นว่านโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การเงินเพื่อความยั่งยืน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน รวมทั้งจะเอื้อต่อการขยายตัวของการลงทุนจากต่างชาติในประเทศไทยอีกด้วย”