“ธนาคารออมสิน-ธอส.” ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้หลังปีใหม่ กัดฟันตรึงถึงแค่สิ้นปีนี้ “วิทัย” ยันต้องปรับตามสถานการณ์ตลาด เชื่อลูกหนี้รับมือได้ ฟาก “ฉัตรชัย” ชี้ ธอส.อาจสูญรายได้มากกว่า 5 พันล้านบาท หวั่นตรึงดอกกู้นานส่งผลกระทบเป็นโดมิโน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ คาดว่าคงจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะทยอยปรับดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากตาม
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
ส่วนธนาคารออมสิน จะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้นานถึงสิ้นปี 2565 นี้ และคงทยอยปรับขึ้นในปี 2566 ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากนั้น จะพิจารณาตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งที่ผ่านมา ออมสินก็มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำไปแล้ว ตั้งแต่ กนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในครั้งแรก
“ช่วงเดือน ม.ค. 2566 ก็คงจะต้องมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ให้เป็นไปตามสถานการณ์ของตลาด เพราะหากดอกเบี้ยเงินกู้ห่างจากตลาดมาก ก็จะมีผลกระทบในภาพรวม ซึ่งคาดว่าลูกค้าของธนาคารจะสามารถรับมือสถานการณ์ได้” นายวิทัยกล่าว
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าการประชุม กนง. วันที่ 30 พ.ย.นี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์หลายค่ายก็คาดการณ์ว่า แนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นแล้ว ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนบริบทของประเทศไทยจะปรับขึ้นอีกหรือไม่นั้น จะต้องรอติดตามอีกครั้ง ทั้งนี้ ธอส.ยังยืนยันว่าจะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้จนถึงสิ้นปี 2565 นี้
“การตรึงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี 2565 นี้ คาดว่าจะทำให้ ธอส.สูญเสียรายได้อีกราว 1,900 ล้านบาท และหาก กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ก็จะมีผลทำให้แบงก์สูญเสียรายได้เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งยอมรับว่าเมื่อตรึงดอกเบี้ยไว้ รายได้กำไรจากดอกเบี้ยก็จะหายไป อย่างไรก็ดี การประชุม กนง. วันที่ 30 พ.ย. ก็จะเหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือน ก่อนปิดงบฯ ปี 2565” นายฉัตรชัยกล่าว
นายฉัตรชัยกล่าวอีกว่า เดิม ธอส.คำนวณไว้ว่าแบงก์จะเสียรายได้แค่ 5,000 ล้านบาท จากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าการสูญเสียรายได้จะเพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาด ซึ่งมีผลกับรายได้จากสินเชื่อปล่อยใหม่ และสินเชื่อสะสมทั้งหมดของพอร์ต
“ดอกเบี้ยเงินฝาก แม้แบงก์จะปรับขึ้น ก็ยังไม่มีผลต่อรายได้ แต่ดอกเบี้ยเงินกู้นั้น หากไม่ขึ้นเลย กำไรจากดอกเบี้ยก็จะลดลง แล้วถ้าแบงก์ไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย MRR, MLR เลย ขณะที่ดอกเบี้ย MRR, MLR ของธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้น ลูกค้าก็จะมาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ แต่แบงก์ต้องไประดมเงินที่มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น เพื่อไปปล่อยสินเชื่อ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นโดมิโน หากตรึงดอกเบี้ยไว้นาน”
นายฉัตรชัยกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารออมสิน มีอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 6.15%, MOR อยู่ที่ 5.995% และ MRR อยู่ที่ 6.245% ขณะที่ ธอส. มีอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 5.75%, MOR อยู่ที่ 5.90% และ MRR อยู่ที่ 6.15% ส่วนธนาคารพาณิชย์ (6 แบงก์ใหญ่) จะมีดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ระหว่าง 5.50-6.375%, MOR อยู่ที่ 6.07-6.40% และ MRR อยู่ที่ 5.97-6.48%