“ธอส.-ออมสิน” รับลูกขุนคลังกัดฟันตรึงดอกเบี้ย “ฉัตรชัย” ลั่นหาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่เกิน 0.50% ธอส.จะไม่ขึ้นดอกกู้ MRR จนถึงสิ้นปี พร้อมดูแลลูกหนี้ NPL ช่วยปรับโครงสร้างหนี้-ลดดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษนาน 1 ปี
ขณะที่ “วิทัย” แจงออมสินขึ้นดอกเบี้ยตามแบงก์พาณิชย์ ยันขยับดอกฝากก่อน ดอกกู้ทีหลัง จ่อขยายเวลาแก้หนี้ครู “ไม่ฟ้อง-ไม่ยึดทรัพย์” อีก 6 เดือน
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การช่วยเหลือลูกค้าที่จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนั้น ล่าสุดได้รับนโยบายจากกระทรวงการคลังให้ธนาคารตรึงดอกเบี้ยช่วยลูกค้าจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งธนาคารจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน
ในส่วนดอกเบี้ย MRR (อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี) ให้นานที่สุด โดยจะพิจารณาประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ด้วย หากภายในปีนี้ กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด 0.50% ธนาคารก็จะตรึงดอกเบี้ยที่ครอบคลุมการดูแลลูกค้า 1.4 ล้านล้านบาท นานถึงสิ้นปี 2565 นี้
“ตอนนี้ ธอส.ได้รับนโยบายจากกระทรวงการคลังให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยนานถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งเราก็พร้อมดูแลลูกค้า โดยหาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ 0.50% ลูกค้า ธอส.สามารถมั่นใจได้ว่าเราไม่ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนไปจนถึงสิ้นปีนี้ เราจะเป็น last man standing ที่ไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ถ้า กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงถึง 0.75-1.00% ก็จะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง” นายฉัตรชัยกล่าว
นายฉัตรชัยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ธอส.ยังมีมาตรการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรณีที่เป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน โดยการลดอัตราดอกเบี้ย และเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ ซึ่งเป็นการให้ผ่อนชำระเงินงวดต่ำ พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ ระยะเวลา 1 ปี โดยมีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการ 72,496 บัญชี วงเงินต้นคงเหลือ 74,176 ล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ออมสินได้ประเมินสถานะของลูกค้าแล้วว่า หาก กนง.มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะมีผลกระทบกับลูกค้าส่วนใดบ้าง ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารจะพิจารณาตามการปรับดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ แต่ออมสินจะปรับขึ้นในส่วนดอกเบี้ยเงินฝากก่อน ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้นั้นจะต้องประเมินอีกครั้ง โดยจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามในทันที ต้องมีการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ ส่วนจะตรึงเท่าไหร่ หรืออย่างไร ต้องประเมินสถานการณ์อีกที
“เวลา กนง.ขึ้นดอกเบี้ย เช่น 0.25% แบงก์พาณิชย์ไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% เท่ากัน เขาก็ต้องไปประเมินก่อน หรือบางครั้งอาจจะมีสัดส่วนการขึ้นเงินฝากและเงินกู้ 0.125% เท่ากัน ซึ่งเขาก็ต้องไปประเมินอีกครั้ง และมีการหารือกับสมาคมธนาคารไทย ส่วนออมสินก็จะใช้ตัวเลขส่วนนั้น เป็นอัตราตั้งต้น แต่หากแบงก์พาณิชย์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.25% เราก็จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่จะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไปอีกระยะหนึ่ง” นายวิทัยกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากการดูแลลูกค้าในเรื่องดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารออมสินยังมีแนวคิดที่จะขยายระยะเวลาโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการออกไปอีกจนถึงสิ้นปี 2565 จากเดิมที่สิ้นสุด มิ.ย. 2565 ทั้งมาตรการที่ไม่ฟ้องร้อง หรือดำเนินการทางคดี ไม่มีการนำทรัพย์ไปขายทอดตลาด ไม่มีการยึดทรัพย์ และไม่ฟ้องล้มละลาย กับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย ซึ่งโครงการแก้หนี้ครูที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 มีผู้เข้าร่วม 3.5 แสนราย วงเงินรวม 3.5-3.7 แสนล้านบาท
“การขยายโครงการแก้หนี้ หากนานเกินไปอาจทำให้ลูกหนี้เกิดการเสียวินัยทางการเงิน แต่ธนาคารไม่อยากซ้ำเติม จึงขยายไปช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่มีปัญหาจริง ๆ ซึ่งปัจจุบันเหลือจำนวนที่ยังเป็นหนี้คุณภาพไม่ดีเพียง 4.4% เท่านั้นจากทั้งพอร์ต” นายวิทัยกล่าว
ก่อนนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า หาก กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 3-6 เดือน ในการผ่านไปถึงดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ซึ่งถึงเวลานั้นก็จะกระทบต่อต้นทุนของผู้ที่กู้เงิน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือสถาบันการเงิน ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ อย่าให้กระทบกับลูกค้ามากเกินไป ขณะเดียวกันจะให้แบงก์รัฐดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่