กรุงศรี คาดสัปดาห์นี้เงินบาทซื้อขายเงียบเหงา

เงินบาท

กรุงศรีฯคาดค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.45-35.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึมลงส่งท้ายปี

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า กรุงศรีฯมีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (26-30 ธ.ค.) ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.45-35.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.76 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.63-35.04 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเงินเยนแตะระดับสูงสุดรอบ 4 เดือน และเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในวันเดียวในรอบ 24 ปี หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.1% และผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ที่ราว 0% แต่ช็อกตลาดด้วยการปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control) ด้วยการปล่อยให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเคลื่อนไหวจากเป้าหมาย 0% ได้ในกรอบ -0.50% ถึง 0.50% จากเดิมที่ -0.25% ถึง 0.25%

ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่านักลงทุนญี่ปุ่นอาจขายพันธบัตรโลกและดึงเงินกลับประเทศ กระชากอัตราผลตอบแทนทั่วโลกสูงขึ้นแม้ผู้ว่าการบีโอเจแถลงในเวลาต่อมา ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับสมดุลการทำงานของตลาดพันธบัตร และย้ำว่าเร็วเกินไปที่จะหารือเรื่องการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณการปรับนโยบายที่เร็วเกินคาด

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,051 ล้านบาท และ 25,584 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีฯมองว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างเงียบเหงา ขณะที่หลายตลาดหลักปิดทำการ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงการปิดสถานะการลงทุนสำหรับปีนี้

อย่างไรก็ดี หากมีข่าวสำคัญเข้ามากระทบอาจทำให้ตลาดผันผวนเกินจริง เนื่องจากสภาพคล่องต่ำ อนึ่ง เมื่อมองไปข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐอยู่ในทิศทางขาลง แต่ภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กังวลนานกว่าที่ผู้ร่วมตลาดประเมินไว้ และเราคาดว่าอาจเป็นประเด็นฉุดรั้งบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งจะหนุนดอลลาร์และเยนแข็งค่าขึ้นได้

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าไทยมีแนวโน้มเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน พ.ย. ส่วนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจไร้ทิศทางช่วงปลายปี ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าต้องทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 โดยประเมินว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เพราะ 2 ใน 3 ของนักทองเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยขณะนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย ซึ่งจะยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสดใสในปีหน้า